-=Jfk=- Tour & Trip

น่าน - ดอยภูคา - ดอยเสมอดาว อช.ศรีน่าน -นาน้อย เขื่อนสิริกิต
ทริปสั้นๆ กับเส้นทางยาวๆ 1500 กม. (17-19 กพ.55)

ตอนแรกทริปนี้ กะให้เป็นทริป 2 ล้อ แมงกาไซค์ หรือ 3 ล้อ ซาเล้ง Can Am Spyder แบบว่า ไปน่านหลายรอบ ชอบถนน และเส้นทางสวย ๆ อยาก วิ่ง เก็บทริป รับอากาศหนาวๆ แต่ปีนี้ติดทริปหลายที่ กว่าจะว่าง ก็ล่วงเข้ามากลางกพ. อากาศไม่เย็นมากนักแล้ว และ พอวัน ก่อนจะออกจากบ้าน เกิดนึกลองเส้นทางใหม่ๆ และ ด้วยเกรงว่า เส้นทางไกล ไปกลางคืน ก็เลยตัดสินใจ เปลี่ยน นาทีสุดท้าย เก็บสามล้อเข้าโรงรถ แล้ว หันมาใช้ Triton 4X4 ตัวลุยแทน
ออกเดินทางจากบ้าน เย็นวันศุกร์ ตามเส้นทาง สาย 11 อินทร์บุรี วังทอง อุตรดิตถ์ มาถึงตัวเมืองอุตรดิตถ์ ราวๆสองทุ่ม โทรไปหาเพื่อน ที่เป็นหมอผ่าตัดทางด้านอวัยวะสืบพันธ์สตรีผ่านกล้องมืออันดับต้น ๆ คนนึงของไทย ว่าว่างมั้ย เพื่อนว่าง ก็เลย แวะไปให้เพื่อนเลี้ยงข้าว มื้อนึง ก่อนเดินทางต่อ :P
จากอุตรดิตถ์ ตรงยาว ตามสาย 11 ไปทางเด่นชัย ถึง สามแยกเด่นชัยแล้ว แล้วเลี้ยวขวา ไปตาม ถนนสาย 101 แพร่ น่าน ก่อนเข้าพัก รีสอร์ทในตัวเมืองน่าน ตอนเกือบๆเที่ยงคืน

เช้าวันเสาร์ ออกมาขับรถ ตะเวนอยู่ในเมือง เที่ยววัดในตัวเมืองน่าน หาอาหารหารพื้นเมืองรองท้อง

ในเมืองน่านมีวัดสวยๆ ให้เที่ยวชมหลายวัด และ ช่วงไป เพิ่งผ่าน Valentine หมาดๆ สวนสาธารณกลางเมืองยังมีร่องรอยภาพวาด กระซิบรัก ของปู่ม่านย่าม่าน หลายแห่ง

เมืองน่าน สถานที่ท่องเที่ยวที่ ทุกคนคงไม่พลาด ก็คือ วัดภูมินทร์ วัดใจกลางเมืองน่าน ซึ่งมีจุดเด่นที่ภาพวาดศิลปะบนผนังวิหาร ฝีมือ หนานบัวผัน ศิลปินเก่าแก่ของเมืองน่าน ชื่อวัดภูมินทร์ คุ้นๆ หูมั้ย
ถ้าไม่คุ้นจำ " welcome to วัดภูมินทร์ ออฟ น่าน " ในโฆษราโอโม่ได้ป่าว อิๆ

ภาพวาดศิลปะบนผนังวิหาร ฝีมือ หนานบัวผัน ศิลปินเก่าแก่ของเมืองน่าน โดยเฉพาะรูปบน ชื่อ กระซิบรัก ของปู่ม่าน ย่าม่าน ซึ่งกลายเป็น Signature ของเมืองน่านโดยเฉพาะช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมา จะเห็นรูปนี้ได้เต็มเมือง
ตอนไปวัดเจอช่างวาด วาดภาพนี้ด้วยสี Acryllic อยู่หลัววัด เห็นสวยดีเลยซื้อติดมือกลับ ในรูปข้างบนสุดนั่นแหละ

Close Up ดูภาพวาดใกล้ๆจะเห็นว่า มันเป็น สีAcryllic แตกลายงาสวยดี

สำหรับใครชอบภาพวาดหนานบัวผัน แวะไป ที่หอศิลป์ริมน่าน ถนนไปท่าวังผา มีพิพิธภัณฑ์ ภาพวาดของหนานบัวผันจำลอง สวยๆ เยอะเลย

ออกจากวัดภูมินทร์ แวะต่อไป ศาลหลักเมืองน่าน เพิ่งก่อสร้าง ยังไม่เสร็จดี สวยงาม และมี ภาพวาดฝาผนัง คล้ายกับแบบ ลักษณะภาพวาดที่วัดภูมินทร์ แต่ใหม่กว่าไม่เป็นไร รออีกซักสองสามร้อยปี ก็เก่า อิๆ

คุยๆกับ คนเมืองน่าน ที่วัดภูมินทร์เค้าบอกว่า ช่วงนี้ ชมพูภูคา ที่ดอยภูคากำลังบาน ปีที่แล้ว แวะไปตอนไปเที่ยวบ่อเกลือ เจอบานไม่กี่ช่อ ชวนผิดหวัง ปีนี้เค้าว่าบานพอดี เลย ถือโอกาสแวะไปแก้มือซะหน่อย
ออกจากเมืองน่านขับรถไปทาง อ.เฉลิมพระเกียรติ แล้วมุ่งไปอุทยานแห่งชาติดอยภูคา

ขับรถมาที่ จ.น่านนี่หลายรอบสังเกตุ ว่า ที่ น่านนี่ หมู่บ้าน หลายอ. หลายต.ชอบตั้งชื่อพยางค์เดียว เหมือนชื่อจังหวัด
อย่างอันนี้ บ้าน " กอก " ตำบล " อวน " อำเภอ "ปัว" จังหวัด "น่าน" ดีนะแต่ก่อน ที่ อ."สา" เติมเวียง เข้าไปเป็นเวียงสา แล้ว ไม่งั้น " สั้น " กันทั้ง จังหวัด

ถนนเมืองน่าน กำลังตัดใหม่หลายเส้น เส้นทางตัดภูเขาโค้งสวยงาม หลายสาย กว้างเรียบสวย แต่รถวิ่งน้อย หลายสาย ควายเดินแทน :P

มาถึง อช.ดอยภูคา ซึ่งห่างจากบ่อเกลืออีก แค่ยี่สิบกว่าโล
แต่เพิ่งไปมาเมื่อทริปก่อนทริปนี้เลย ไม่แวะ แล้ว ย้อนกลับ มาทางปัว แวะเที่ยวชุมชนไทยลื้อ ที่วัดหนองบัว อ.ท่าวังผา

 

ชมพูภูคา ปีนี้ ที่อช.แห่งชาติดอยภูคา ในบริเวณ ที่ทำการ และบ้านพัก ก็บานหลายต้น เลยไม่ได้ตะลุยเข้าไปดูในป่า อีกเนื่องจากเวลาจำกัด

ศาลเจ้าหลวงภูคา เป็นอีกจุดที่มีต้นชมพูภูคาให้ชม อยู่ริมทางระหว่าง อ.บ่อเกลือ ถึง อช.ดอยภูคา แต่มีต้นเดียว ไม่โตมากนัก ตอนไป ยังไม่บานเต็มที่

ลานดูดาว ระหว่างทาง อช.ดอยภูคา กับศาลเจ้าหลวงภูคา เป็นอีกจุดที่คนชอบแวะเที่ยวถ่ายรูปโดยเฉพาะตอนพญาเสือโคร่งบาน มีร้านอาหาร ด้วย
ผมเองชอบแวะทานกาแฟสดที่นี่
ไม่ได้อร่อยหรอก แต่มีเจ้าเดียวแถวนี้ อิๆ

จาก อช.ดอยภูคา นี่ห่างจาก อ.บ่อเกลืออีก แค่ยี่สิบกว่าโล ที่เป็นแหล่งทำเกลือสินเธาว์ภูเขาที่ใหญ่และเป็นจุดท่องเที่ยว และมีอาหารอร่อยๆ ที่บ่อเกลือวิว ที่นักท่องเที่ยวชอบแวะกันไป แต่ผมเองเพิ่งไปมาเมื่อทริปก่อนทริปนี้เลย ไม่แวะแล้ว ย้อนกลับ มาทางปัว แวะเที่ยวชุมชนไทยลื้อ ที่วัดหนองบัว อ.ท่าวังผา เป็นจุดหมายต่อไป

วัดหนองบัว ของชาวไทยลื้อ อ.ท่าวังผา จังหวัดน่าน เป็นอีกวัดที่มีจิตรกรรมภาพวาด ฝาผนัง คล้ายวัดภูมินทร์ แม้จะไม่สวยเท่า แต่ ก็มีวิถีความเป็นอยู่ชาวไทยลื้อที่อพยพ มาจากจีน ให้สัมผัส

 

ชุมชนไทยลื้อ ที่วัดหนองบัว อ.ท่าวังผาน่าน ที่นี่มีผ้าทอไทยลื้อขึ้นชื่อ เลยอุดหนุน ผ้าลายน้ำไหล ของไทยลื้อมาเป็นของฝากหลายผืน

ออกจากท่าวังผา วิ่งผ่าน หอศิลป์ริมน่านแต่ไม่ได้แวะเพราะเพิ่งแวะมาเมื่อทริปก่อน ตรงเข้าตัวเมืองน่านเกือบๆเย็นแล้ว แต่สำหรับวัดพระธาตุแช่แห้ง นี่เป็นพระธาตุประจำปีเถาะ(ปีเกิดแฟนผมเลยแวะทุกครั้งที่มา) ชื่อพระธาตุนี้คล้ายๆ และอยู่ใกล้ กับพระธาตุ ช่อแฮ ของเมืองแพร่ อันเป็นพระธาตุ ประจำตัวคนเกิดปีขาล ทำให้หลายคน สับสนเเหมือนกัน
ในวัด มีเจดีย์จำลอง ของพระมหาเจดีย์ ชเวดากอง อยู่ด้วย แต่ไม่ยักทำสีทองแฮะ

ออกจากวัดเข้าตัวเมืองแล้วหาอาหารเย็นปลาแม่น้ำ ที่หน้าเขื่อนน้ำน่านในตัวเมืองน่าน เริ่มเย็นใกล้ค่ำ เลยตรงต่อไปยังดอยเสมอดาว ที่อ.นาน้อยต่อเลย
พอไปถึงค่ำแล้ว อากาศกำลังเย็นสบาย แต่ลมแรง กางเต็นต์ แล้ว ขนเตียงผ้าใบจากท้ายรถมานอนอ่านเพชรพระมา รับลมหนาว ข้างเสาไฟ สนามที่เปิดตลอดคืน อากาศดี มีฟามสุข อิๆ

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเล็กนิดเดียว แต่ เจ้าหน้าที่บริการดี มีไฟฟ้าให้ตลอดคืน
ห้องน้ำมาก และสะอาด เหมาะกับการกางเต้นต์มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เช้าวันอาทิตย์ ขึ้นไปเดินเล่นรับไอหมอก และลมเย็น บนลานดูดาว ของยอดดอยเสมอดาว และ ผาหัวสิงห์
ลานดูดาวบนยอดดอยเสมอดาว ยามเช้า อากาศดี มองไปเห็นผาหัวสิงห์และ ทะเลหมอก

ผาหัวสิงห์ มองจากลานดูดาว ดอยเสมอดาว แล้ว เหมือนสิงห์น้อยกว่า ดอยหัวสิงห์ ของม่อนจอง นะ
ลองแวะไปดูยอดหัวสิงห์ ที่ม่อนจองในนี้ได้ครับ//www.2jfk.com/monjong.htm

ลงมาจากลานดูดาว ดอยเสมอดาว จัดการเก็บเต็นต์ โยนใส่ท้ายรถ แล้ว ขับรถไปไปเที่ยวผาชู้ ซึ่งอยู่ในอช.ศรีน่านเช่นกัน ห่างออกไป ไม่ถึงสิบกิโล

 

ที่ชื่อที่มา มาจากตำนานรักสามเส้า ของเจ้าเมืองเหนือ กับสองสาว ที่พลีชีพบูชารัก
ที่นี่เค้าเคลมว่ามีสายธงชาติยาวที่สุดในไทย( ดูเอาเอง เค้าทำไปด้ายยยยยยยยยยยยยย อิๆ)

ออกจากผาชู้ แวะไปดูเสาดิน กับ คอกเสือ ที่อ.นาน้อย กันต่อ

เสาดินนาน้อย เป็นแหล่งท่องเที่ยวในอ.นาน้อย เป็นพื้นที่ ที่แผ่นดินยุบตัวลง คงเหลือแต่เนิน และเสาดินตั้งอยู่สวยงาม คล้ายๆ แพะเมืองผี ที่ เมืองแพร่ หรือ โป่งยุบ ที่ ราชบุรี แต่ที่นี่ต้องบอกว่า เล็ก และสวย สู้ แพะเมืองผีไม่ได้ แฮ่ะๆ

คอกเสือ นาน้อย อยู่ ติดกับ จากเสาดินนาน้อย เป็นการยุบตัวของพื้นดิน เหมือน เสาดิน เช่นกัน แต่บริเวณนี้เป็นแอ่ง ลึกก้นกระทะ มีบันไดให้เดินลงไปได้

ออกจากเสาดินและคอก เสือ เข้ามาถึง ตัว อ.นาน้อย เกือบๆเที่ยงวันอาทิตย์ ถึงตอนนี้ลังเล ทางเลือก 2 ทาง
ระหว่าง เลือกขับตรงไป อช.ขุนสถานที่ ออกจากนาน้อยไม่กี่สิบกิโล แล้วแวะ ดูชนเผ่าผีตองเหลือง ทางเส้นทางนั้น แล้วก็กลับบ้านผ่านทางแพร่ ตามเดิมขามา
แต่ ในที่สุดเพื่อความแปลกใหม่ เลยตัดสินใจเลือกอีกเส้น คือหรือเปลี่ยนเส้นทางใหม่ มุ่งลงใต้ จากนาน้อย ผ่านนาหมื่นไปแวะ หมู่บ้านประมงปากนาย ก่อน เอารถลงแพขนานยานต์ข้าม มายัง ท่าแฝก ของจังหวัดอุตรดิตถ์ แทน

หมู่บ้านประมงปากนาย มีลำน้ำน่าน ส่วนที่อยู่ก่อนจะไหลลงทะเลสาบ เหนือเขื่อนสิริกิต มีร้านอาหาร และที่พัก คล้ายเมืองกาญจน์ แต่คนน้อยกว่ามาก เป็น จุดข้ามฟากของแพขนานยนต์ ข้ามไปยังฝั่งอุตรดิตถ์ ต่อไปอ.น้ำปาด ได้ โดยไม่ต้องย้อนทางกลับไป ทางแพร่ ค่าแพ สำหรับรถยนต์ คันล่ะ 250 บาท ลงได้ที่ล่ะสองคัน เที่ยวที่ไป มีลงสองคันพอดี

พอข้ามฟาก มาแล้ว จะเป็นฝั่งอุตรดิตถ์ ทางด้านท่าแฝก มุ่งไปทางอ.น้ำปาด ถนนเป็นเส้นทางสวยโค้งมาก เพิ่งสร้างใหม่ แต่รถน้อยมากๆๆๆๆๆๆผ่านเขื่อนสิริกิต เลยแวะเที่ยวซะหน่อย หลังจากเคยแวะมาหลายปีก่อน คราวทริป ตะลุยแพร่อุตรดิตถ์

เขื่อนสิริกิต ตอนบ่ายวันอาทิตย์ ในเดือนกพ. ระดับน้ำในเขื่อนลดลงไปจากระดับเกือบล้นช่วงเดือน พย.ไปมากแล้ว
ปีนี้ ยังคงถูกจับตากันอยู่ ว่าจะเกิดภาวะแล้ง หรือ น้ำล้นเขื่อนกันแน่

วิ่งอยู่ในบริเวณที่ทำการเขื่อน เห็นมีกัลปพฤกษ์ ที่ปลูกในเขื่อนหลายต้น กำลังบานสวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
กัลปพฤกษ์ นี่เป็นอีกหนึ่งในดอกไม้ที่ ผมชอบดูเวลามันบานเต้มต้น นอกเหนือไปจาก พญาเสือโคร่ง

อาหารมื้อบ่ายๆ เลยฝากท้องไว้ที่เขื่อนสิริกิต ซะเลย
ปลาเผาเกลือ อร่อยมาก แต่ตัวใหญ่ตัวเดียวจุก
ตำผลไม้รวม อร่อยรสจัดแซ่บ
เนื้อย่างไส้ย่างหมูย่างรวม ห่วย อิๆ
กาแฟหอมเข้มอร่อย ผ่านนนนนนนน :)

ก่อนออกจากเขื่อน แอบเห็นกังหันน้ำอันยักษ์ นี่วางโชว์ในเขื่อน ไม่มีคนเฝ้า เลยถือโอกาสยกใส่ท้ายรถกลับบ้านซะเลย จุ๊ๆ อย่าเอ๊ดไป :P

ออกจากเขื่อนสิริกิต แล้ว เลือกเปลี่ยนเส้นทาง เข้าพิษณุโลก แล้ว ตรงเข้านครสวรรค์ตามสาย 117 กลับถึงบ้านค่ำๆ พอดี ปิดทริป สั้นๆสองวัน แต่วิ่งไป เกือบๆ พันห้าร้อยโล :P

Back To-=Jfk=- Tour & Trip

www.2jfk.com

มีข้อแนะนำ หรือ ข้อมูลนะนำได้ครับ

jfk@2jfk.com