-=Jfk=- Tour & Trip

พารถไปงดเหล้าเข้าพรรษา ที่มาเลย์
ปีนัง - Cameron Highland (14-18 กค.54)

อยู่เมืองไทย Harrier ผม กินแต่ Gassohol 91 บ้าง 95 บ้างจนเมาแอ๋
ไม่เคยได้กิน 91 หรือ 95 ธรรมดา เพราะว่าบ้านเราราคามันมหาโหด เกินไป
ได้ฤกษ์วันหยุด ตอนเข้าพรรษา หยุด สี่วัน ก็เลยตัดสินใจขับรถเล่น เข้าไป มาเลย์กัน ทั้งครอบครัว เอารถไปงดเหล้าเข้าพรรษากันซะหน่อย :P

ออกจากบ้าน เย็นวันพฤหัสที่ 14 แล้วแวะไปรับลูกทั้งสามที่คอนโด ในกทม.กัน แล้วออกจากคอนโด ทุ่มตรง
วันนั้นบนทางด่วนรถ ติดวินาศ เหมือนกัน กว่าจะหลุด จาก ทางด่วนพระรามหก ไปถึง ทางลงพระรามสองได้ นี่ สองทุ่มกว่าไปแล้ว
ระหว่างรถติด ลูกๆ แอบเอาเค็กก้อนเล็กๆ มา จุดเทียน แฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้แฟนผมที่เกิดวันนี้พอดี
คิดเอาเอง รถติด ขนาด จัดวันเกิดกันบนรถได้เลย อิๆ

พอผ่านถึง มหาชัยแวะปั๊มป์ หาเสบียงสำรองเพิ่ม แล้ว ก็ผลัดให้ลูกชาย ขับ แทนบ้าง จนถึง ชุมพร ตอน ราวๆ ใกล้ๆตีหนึ่ง
หลังจากนั้นผมยิงยาว ต่อไป จนประมาณ ตีห้า ก็มาถึงแถวพัทลุง เหลืออีกแค่ 100 กม.จะถึงชายแดน ก็เลยหาแวะ หารีสอร์ท นอนพัก รอผ่านด่าน กันสายๆ

สี่โมงเช้า ตื่นนอนแล้ว ก็ไปยัง ด่านสะเดา พบกับ ร้านที่เค้าจัดการเรื่องเอกสารผ่านแดนให้

อยากจะให้ข้อมูลเรื่องการ เอารถข้ามผ่านแดน ด้านมาเลย์ นี่ ถ้าเตรียมพร้อม แล้ว ง่าย และไวกว่า การผ่านเข้าทางลาว และเวียดนาม มาก
ใครจะเอารถข้ามไป ก็ทำพาสปอร์ตรถ (เล่มม่วง) จากขนส่งที่บ้านเราได้ทุกจังหวัด เสียปีล่ะ 50 กว่าบาท
แล้วไปติดต่อ ทำใบผ่านแดน และ ป้ายวงกลม ของมาเลย์ พร้อมประกัน และ พิมพ์ ป้ายทะเบียนถอดระหัส จากภาษาไทยเป็น อังกฤษ
อย่างของผม จาก กฉ 111 นครสวรรค์ ก็กลายไปเป็น AF111 NSW
ปกติ เวลาผ่านด่าน เค้าห้ามติดฟิล์มเข้ม ถ้าติดไปโดนให้ลอกออก เจอกันมาเยอะ
แต่รถผม กระจกหลังมันดำเลยไม่ได้ดำจากฟิล์ม ตอนแรกคิดว่าผ่านไม่ได้ แต่ ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ พันทิป ที่เคยเป็นแนะนำว่า ให้พวกที่เค้าทำเอกสารนี่ติดต่อให้เค้าประสานกับเจ้าหน้าที่มาเลย์ให้แล้ว ผ่านได้หมด สะดวกไวด้วย โดยคิดรวมทั้งการทำเอกสาร ประกันในมาเลย์ และป้ายทะเบียนหน้าหลัง รวม 1600 บาท เสร็จแล้วผ่านโลดดดดดดดดด  สะดวกดี ใครจะไป โทรไปติดต่อเองเลยครับ เบอร์โทรคุณกะฉ๊ะ 0892989139 ,0818967296 ผมว่า สะดวกดี

อันนี้ ตัวอย่าง ป้ายทะเบียน ที่แปะ หน้ารถ (ด้านหลังมีอีกอัน) ส่วนป้ายวงกลม และเอกสาร ก็เอาวางไว้หน้ารถให้ เค้าตรวจ

ด่านสะเดา เปิดตั้งแต่ ตีห้า ถึง สามสี่ทุ่มมั้ง คนผ่านมาก แต่ก็หนาแน่นตลอด มีทั้งรถไทยผ่านเข้ามาเลย์ และรถมาเลย์ผ่านเข้าไทย
แต่ว่า เมื่อเตรียมเอกสารไว้พร้อมแล้ว Stamp Passport แปล๊บเดียวก็ผ่านได้เลย
บรรยากาศ หน้าด่านฝั่งไทย รถเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตลอดเวลา แต่ก็ผ่านได้ไม่ลำบากนัก แต่หาที่จอดยากหน่อย

รถจอดหน้าด่านฝั่งไทย แน่นมาก เอาข้ามไปจอด เลย ด่านไปก่อน แล้วค่อยกลับมา ตรวจเอกสาร ก็ได้ ครับ เค้าไม่ว่า วันที่ไป เจอสิงห์แมงกาไซค์ บินเดี่ยวข้ามแดน  จากมาเลย์ กำลัง จะกลับบ้าน

จากด่านสะเดา วิ่งไปจุดหมายแรก คือ ปีนังระยะทางไม่ถึงสองร้อยกิโล ข้ามด่านตอนใกล้เที่ยง ดังนั้นเวลาเหลือเยอะ เลยแว่บออกจากไฮเวย์ เข้าแวะเที่ยว เมือง Alor Star ก่อน อันนี้ หอคอย ประจำเมือง

แล้ว แวะ ถ่ายรูป มัสยิด Albukhary มัสยิดสวยกลางเมืองซะหน่อย

ก่อนออกจากเมือง Alor Star ก็แวะเติมน้ำมัน ซะหน่อย เป็นการเติมครั้งแรก
อยู่เมืองไทย ต้องโดนมอมเมา แก๊ซโซฮอลล์
เข้ามามาเลย์ น้ำมันถูก และมีแต่เบนซิน ที่ไร้แอลกอฮอลล์ ให้รถเราได้งดเหล้าเข้าพรรษา
ทีนี่เบนซิน มีสองอ๊อคเทน คือ 95 กับ 97
แอบดูราคา  95 นี่ ลิตรล่ะ 1.9 ริงกิต หรือ ตก 19 บาทไทย
ส่วน 97 นี่ ลิตรล่ะ 2.8 ริงกิต หรือ ตก 28 บาทไทย
ด้วยความที่รถเรา เติมได้ ตั้งแต่ 91 ถึง 95 เราเลยเลือกตัวถูกก่อนคือ
สั่งเด็กเติม 95 (จริงๆจะเติมเองแหละ) แต่เด็กบอกไม่ได้ รถยู ต้องเติม 97  เราก็เถียงว่า เฮ้ย รถไอ เติม 95 ได้ ไม่มีปัญหา ต่อให้ ออคเทน แค่ 91 ก็ยังเติมได้เลย
เด็กซึ่งก็พูดอังกฤษได้ไม่คล่องมากเลย ชี้ให้ดูป้าย
ถึงได้ถึงบางอ้อ ว่า ตั้งแต่ 15 มิย. 2011 นี่รถที่ไม่ได้จดทะเบียน มาเลย์ ห้ามเติม 95 ต้องเติม 97 เท่านั้น เพราะว่า 95 นี่เหมือนน้ำมันคนยาก รัฐอุดหนุนภาษี ลดราคาให้ประชาชนเค้าใช้
ส่วน 97 ถือเป็นน้ำมันไฮโซปล่อยลอยตัว ไม่อุดหนุน เลยมี ราคาแพงกว่า เกือบ สิบบาทต่อลิตร และ รถต่างชาติต้องเติม 97 เท่านั้น
เลยต้องยอมให้รถ เราหัวสูง กิน 97 ซะเลย ลิตรล่ะ 28 บาท แต่ก็ยังถูกกว่า 95 บ้านเรา เกือบ 20 บาท อิๆ
อ้อ ส่วน ดีเซล นี่ ปั๊มป์ ที่ห่างจากชายแดน ไม่เกิน 50 โล เค้าห้ามรถต่างชาติเติม เกิน 20 ลิตร กันพวกพี่ไทย วิ่งวนเข้าไปเติม กัน เพราะว่า พวกนี้รัฐเค้าอุดหนุนราคาอยู่ (ดีเซลก็ลิตรล่ะ  18 บาท ไทย จ้ะ)

รอบนี้ Harrier เรา เลยกิน  V Power 97 แทน โซฮอล์ 91 เลย  แต่ราคา 97 ที่นั่น ที่ว่าแพงๆ ก็ยังถูกกว่า 95 บ้านเรา ราวๆ 20 บาท
แต่สำหรับบางปัมป์ ที่ไม่มี 97 อย่างเช่นบน คาเมรอน นี่ เค้าก็ให้เราเติม 95 ได้เช่นกัน
เติม 95 นี่ น้ำมันลิตรล่ะ 18 บาท เติม 39 ลิตร จ่ายไปแค่ 740 บาท
ค่าน้ำมันในมาเลย์ตลอดทริปนี่ เลยประหยัดดีจัง อิ

ทางสาย ไฮเวย์ของมาเลย์ ตั้งแต่เหนือสุด (ชายแดนสะเดาบ้านเรา) ตรงไป ถึง KL (กัวลาลัมเปอร์) เมืองหลวง แล้วยาว ไปจนถึงสุดประเทศ แถว ยะโฮ บารู ต่อสิงค์โปร์ ทางดีมากตลอด แต่ว่า ถือเป็นทางด่วน มีด่านเก็บเงินตลอด โดยมีทั้งพวกที่เก็บเงินสดเลย และแจกบัตร ผ่านก่อน ไปคิดเงินตรงปลายทาง ตรงทางออก เหมือนบูรพาวิถึ บ้านเรา และ ที่ด่านนอกจากพวก เสียเงินสด (หรือรับบัตร ) อย่างที่ว่า แล้ว
ก็มีระบบ Touch And Go  หรือ ใช้ บัตร ยื่นแตะ ตัวแสกน คล้ายที่ผ่านรถ BTS บ้านเรา ซึ่งดูแล้ว ผมว่า Easy pass บ้านเรา ไวกว่าสะดวกกว่า
แต่คนเค้าก็ใช้ บัตรกันเยอะนะ

อันนี้ บัตรอ่อน ที่ เค้าแจกต้นทาง แล้วส่งไป ให้เค้า คิดเงินตอนปลายทาง ตอนออกจากทางด่วนเข้าเมืองต่างๆ
ค่าผ่านทางค่อนข้างแพง วิ่งไปราวๆ สองร้อยโล นี่ค่าผ่านทาง ราวๆ สองร้อย เหมือนกัน

บนไฮเวย์ทางด่วนเค้า รถแมงกาไซค์ ได้รับเกียรติ ให้วิ่งร่วมทางกับรถยนต์ได้ ไม่ได้ห้ามเหมือนบ้านเรา แล้ว ก็ไม่ได้ห้ามวิ่งซ้าย วิ่งขวา คือ วิ่งกันตามความเร็วที่เหมาะสม ของแต่ล่ะคันนั่นแหละ  (สิงห์สองล้อบ้านเราอิจฉาเค้ามั้ยเนี่ย อิๆ)

นอกจากจะไม่ห้าม แล้ว เค้ายังแอบเอาใจ แมงกาไซค์ ที่ไม่มีหลังคาคุ้มหัว
วิ่งๆไป ตลอดทางจะเห็นป้ายนี้ ตลอด เป็นป้าย ชี้ที่หลบฝน ของแมงกาไซค์ ก็อาศัยพวกใต้สะพานลอย หรือ ศาลาริมทาง ทำทางออก ออกไป แล้วทำที่พักจอดใต้ นั่นให้แมงกาไซค์หลบฝน ดีจัง เลยแฮะ :)

ขับไปเพลินๆ บนถนนสวยๆ แปล๊บเดียว ก็ถึง ปีนัง แต่ป้าย ไม่ต้องไปหาปีนังน่ะ มันไม่ได้บอกว่าไปปีนัง แต่ บอกว่าไป Gorge Town ซึ่งเหมือนเป็นเมืองหลวงของ ปีนัง แทน

ข้ามสะพานข้ามทะเลซึ่งยาวหลายกม. เหมือนกัน เพื่อไปยังเกาะปีนัง หรือเกาะหมาก ซึ่งเคยเป็นของไทยมาก่อนใน สมัย ก่อน ร4-5  ก่อนเสียให้กับอังกฤษไป

ถนน ในเกาะปีนัง ค่อนข้างจอแจ พลุกพล่าน ไม่แพ้กทม. ตึกสูงระฟ้าเต็มไปหมด
แต่ว่าสองข้างทาง ยังมีต้นไม้ใหญ๋เก่าแก่ อายุหลักร้อย ยืนต้นให้ร่มเงา ทั่วไป

เนื่องจากปีนังเป็น เกาะ ไม่ใหญ่มาก ประชากรเยอะ เจริญมาแต่ก่อน มีวัฒนธรรมหลากหลาย ได้รับ การยกให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่ง เช่นกัน
เมื่อพื้นที่ มีน้อย แต่คนมีเยอะ ดังนั้น คอนโด และ ตึกสูง จึงกระจายอยู่ทั่วเมือง

แถว ถนนริมหาด บนเขาก็มีทั้งคอนโด และบ้านพักตากอากาศ ดูน่าพักสบายๆ บนนี้ห่างกัน กับตัวเมืองข้างล่างนิดเดียว แต่ดูสงบ แยกจากตัวเมืองที่วุ่นวายข้างล่าง เยอะเลย

ตามชายหาด เลียบชายฝั่งไปทางด้านเหนือ ของเกาะ บรรยากาศดี เป็นเขา และป่าไม้ตลอดทาง มีคนปั่นจักรยานออกกำลังกายวันหยุดกันเยอะพอสมควร
ทั้ง เสือหมอบ และ เสือภูเขา
ที่โน่นคนนิยมปั่น จักรยาน กันพอสมควร บางโซน ก็มีเลน เฉพาะในบางส่วนของเมืองเหมือนกัน แต่ที่ไม่มี Bike Lane ก็ปั่นร่วมกับรถยนต์ได้  อิๆ

เข้ามาปีนัง ความที่มันจอแจ มาก ตอนหาทางไป โรงแรม กับ ขับรถเที่ยว นี่ ไม่คุ้นทาง จะมึนตึ้บแน่ๆ
โชคดีที่หาโหลดโปรแกรมแผนที่ GPS ของมาเลย์ มาลงใส่ Nuvi ผม ใช้ได้ดีที่เดียว ข้อมูลแผนที่ละเอียด แม่นยำ และภาพสวยทีเดียว ฟรี อีกต่างหาก อิๆ

ถ้าไมได้เจ้านี่ช่วย คลำทางกันตายแน่ อิๆ

ทริปนี้ในปีนัง เราพักที่ Copthorn Occhid ที่จองผ่าน Agoda เพราะว่า ทริปก่อนหน้านี้ไป สิงค์โปร์ พักที่ รร.ในเครือ Copthron ห้องพักและบริการดีมาก แต่สำหรับทีมาเลย์ นี่ต้องบอกว่า แค่พอทนได้ อิๆ
พอเช็คอินเข้าที่พักเสร็จเปิดโพยดู สถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้สุด ก็คือ Toy World พิพิธภันท์ ของเล่น ที่เค้าเคลมว่าใหญ่สุดในโลก มีของเล่นมากสุดในโลก

ซึ่งพอเข้าไป ก็อืมมมมมมมม เหมือน Collection ของเล่นหลากหลายเต็มไปหมด เยอะจริงๆ เยอะจนรก เลย อิๆ

ปีนัง สมัยผมเด็กๆ คนมีตังค์เมืองไทย จะส่งลูกหลานมาเรียน เพื่อให้ได้ ภาษาอังกฤษกัน แต่เดี๋ยวนี้ คาดว่าคนคงไม่ค่อยมีใครส่งมาเรียนแล้ว
ส่วนใหญ่ คนมาเที่ยว ก็ แวะชม สถานที่อาคารเก่าๆเมืองมรดกโลก
ตอนกลางคืน ค่อนข้างเงียบไม่มีอะไร ขับรถเล่น แล้ว หาอาหารพื้นเมืองทานกัน แล้ว แวะเดินเล่นห้าง สองสามห้าง ช

ตอนนั้น ชอบใจ ระบบการจอดรถของห้าง ทีนี่สังเกตุไฟ ตรงที่จอดรถมันมีเซ็นเซอร์ตรงกลาง พอรถเข้าไปจอดใต้นั่น เซ็นเซอร์จับได้ จะขึ้นเป็นไฟแดง (ถ้าไม่มีรถจอดตรงนั้นก็ขึ้นไฟเขียวให้เห็น ) แต่พอกลับมาบ้านเรา อ้าววววววว บางห้าง อย่างเช่น Central ลาดพร้าว ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ ก็ใช้ แบบนี้แล้วเหมือนกัน อิๆ
การที่มี เซ็นเซอร์แบบนี้ นอกจาก ช่วยให้คอมพิวเตอร์คำนวนได้ว่า ชั้นไหน มีที่ว่างกี่คัน แล้ว ยังทำให้รถที่วนหาที่จอด เห็นได้แต่ไกล ว่าจุดไหนมีที่ว่างให้จอดได้ เข้าท่า อิๆ

ระบบจอดรถ ที่นี่ ส่วนใหญ่มีบริษัทเข้ามาจัดการทำระบบจอดรถ ก่อนเข้าไป มีไม้กั้นต้องกดปุ่ม รับบัตรลงเวลาเข้าจอด ก่อนผ่านเข้าไป
และก่อนออก ต้องเอาบัตรนั่นไป  จ่ายเงิน และ กดบันทึกออก กับเครื่องอัตโนมัติ และต้องออกภายใน 15 นาที หลังกดออกแล้ว

มื้อ เช้า แวะ ลองไปทานอาหารพื้นเมือง ของที่นี่ ซึ่งคล้ายๆร้านกาแฟทางใต้ของไทย เป็นร้านที่มีร้านขายอาหารหลายๆร้าน มาอยู่รวมกัน ทั้งก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก ข้าวมันไก่ และของทอด และติ่มซำ ร้านในรูปล่าง นั่น ขายสารพัดของทอด ทั้งเนื้อ และ แป้ง อร่อย อิๆ

อิ่มท้องแล้ว ขับรถขึ้นไป วนเล่นบนปีนัง ฮิลล์ และ ก่อนออกจากปีนัง แวะไปดูตึกเก่า โซนเมือง ที่เป็นมรดกโลก กันซะหน่อย

อันนี้ โบสถ์เก่า อยู่ข้างๆ พิพิธภันฑ์

รถยนต์เก่าหน้าพิพิธภัณฑ์ ( เก่าจริงๆ แถมไม่เก๋า รถ Classic บ้านเราเจ๋งกว่าเยอะ อิๆ)

วันที่สอง นี่ พอออกจาก ปีนัง ก็ขับ ตามไฮเวย์ มุ่งลงใต้ ไป คาเมรอนไฮแลนด์กันต่อ ทันที

บนสะพาน ข้ามเกาะปีนัง เจอ Versys คันนี้ ทะเบียนเท่ห์ 650 เหมือน รุ่นรถ วิ่งร่วมทางกันมา อิๆ

ไฮเวย์ ของมาเลย์ มีทั้ง ด้านล่ะ สองและสามเลน มีเกาะ และกำแพงกั้นสองฝาก มีทางออกน้อยมาก ๆ ขับตรงได้ยาวๆ เค้าจำกัดความเร็วไว้ ราวๆ 110-120 แต่ก็เห็นรถท้องถิ่นวิ่งกัน 140-150 เหมือนกัน แต่ไม่เห็น มีใครโดน ใบสั่งเลย (รวมทั้งเราด้วย อิๆ ) ทั้งที่เตรียมไจไว้เหมือนกันเพราะว่า มีคนบอกว่า บางที ใบสั่งมารอหน้าด่าน ตอนขาออกอิๆ

ห่างจากปีนัง มาราวๆ ร้อยกว่า โล ก็จะมีทางออกจากไฮเวย์ ที่อิโป พอจ่ายค่าผ่านทางออกแล้ว ก็จะวิ่งตามทางขึ้นเขา ซึ่งเป็นทางเล็กวิ่งสวนกัน อีกราวๆ 80 กม. เพือขึ้นสู่ คาเมรอน ไฮแลนด์
เส้นทางโค้ง สวย คล้าย แถวปาย บ้านเรา

ที่มาเลย์ รถยอดนิยม นี่ Proton โดยเฉพาะ City Car เล็กๆนี่เยอะมาก

แต่ Harrier ที่นี่ก็เยอะ ตอนวิ่งขึ้น Cameron นี่ ตรงจุดนี้ สามคัน วิ่งตามๆ กันเลย เกือบจะนัดมีทติ้งซะแล้ว :P

ระหว่างทาง เข้า คาเมรอนไฮแลนด์ มีร้านขาย ของที่ระลึก และ ผักผลไม้ พร้อมไร่สตอร์เบอรี่หลายแห่ง

แวะ ชมไร่ สตอร์เบอรี่ ลูกแดง เด็ดกินเองได้เลย เลือกเก็บเอง แล้วเอาไปให้เค้า ชั่ง โลล่ะ สามร้อยบาทไทย

ชมรถเล็กกันหน่อย นี่แหละ โปรตอนทั้งนั้น รวมทั้ง คันสีทอง่ที่ไฟท้ายคล้าย บริโอ้ นั่นก็โปรตอน

สังเกตุดู จะเห็นว่ามีที่ปัดน้ำฝนหลังด้วย
ถ้าเป็น บริโอ้ บ้านเรา ฮอนด้า เค้าบอกว่า ที่ปัดน้ำฝนหลังปีนึงใช้ไม่กี่คร้ง ไม่ต้อง มีก็ได้  :P

ทริปนี้ เป็นทริปขับรถเล่น ไปเรื่อยๆ พักแวะไปตามทาง ไม่รีบเร่ง สี่วันกว่าๆ ขับไปแวะไปเที่ยวไปกินไป อิๆ

บนคาเมร่อน มีสองโซน หลักๆที่เป็นที่รวมที่พัก อันแรก คือแถว  Brinchang   และ อีกโซน ที่ดูจะสงบกว่า คือด้าน  Tanah rata ที่ตั้งของ Century Pine Resort ที่เราพักกัน ในคราวนี้ด้วย
บรรยากาศ ตามริมทาง ก็มีร้านค้าเหมือนกับ หมู่บ้านชาวเขา เราทางเหนือ

แถว Brinchang ค่อนข้างพลุกพล่าน รถจอดริมถนนเยอะ ทำให้รถติด มาก เสียเวลาพอสมควร

ก่อนเย็น เราก็มาถึง Century pine resort ที่เราจองผ่าน Agoda เช่นกัน หน้า รร.มีต้นสน ปลูกอยู่ด้วย เด๋วไม่สม กับ ชื่อ Pine Resort :P

เราพัก ทางปีกนี้ ของโรงแรม มีห้องพัก ไม่มากนัก สงบ ไม่จอแจ ห้องพักสะอาด เรียบร้อย

ตกเย็น ขับรถออกจาก รีสอร์ท มาเดินเล่น และหาของกิน แถว Tanah Rata ที่นี่คึกคัก ที่จอดรถ ย่านนี้ มีมากแต่รถก็จอดเยอะ มากเช่นกัน

บนคาเมร่อน ไฮแลนด์ มีอากาศเย็นทั้งปี  จึงเป็นที่พัก ตากอากาศ ที่คนมาเลย์นิยม มากที่สุดในประเทศ
ตอนเราไป นั่นกลางคืน อุณหภูมิ ยังอยู่ราวๆ 10 C เอง คล้ายกับอากาศทางแถว แม่ฮ่องสอน ของไทย
แต่สำหรับความเห็นผม บรรยากาศ ทางเหนือบ้านเราหน้าหนาว สวยกว่า มีเสน่ห์กว่าเยอะ แถมที่นี่ รถติดค่อดๆๆๆๆ อิๆ
แต่อย่างที่ว่า ทริปนี้ เป็นการขับรถเล่นดูบ้านเมืองเค้า พารถไปงดเหล้า เข้าพรรษา ไมได้เที่ยวไรมากมายนัก

มื้อค่ำ ตอนอากาศหนาวๆ เห็นคนมุงร้านนี้กันเยอะ เลยเข้าไปแจมด้วย เป็นอาหาร จีน ไสตล์ หม้อไฟ ชุดใหญ่มาก
หม้อไฟ มีน้ำซุป สองอย่าง ในหม้อเดียว แยกกันคนล่ะช่อง เป็น ซุปไก่ กับ ต้มยำ เลือกเอาตามชอบ อร่อยดีครับ อิ่มจนจุกกันเลย อิๆ

พอใกล้เที่ยงก็ เตรียมกลับลงจากคาเมรอน ก่อนลงแวะขึ้นเขาไปชมไร่ชา แถว Brinchang ที่นี่ไร่ชาสวย คล้ายกับ เขาทางภาคเหนือของไทย

แต่ขึ้นไป ยังไม่สุดทาง ดี แต่เพราะเนื่องจากเป็นวัดหยุด และรถมาก ทางก็แคบ รถวิ่งสวนทางต้องเลี่ยงกัน
และเค้าจัดการจารจรไม่ดี ทำให้รถติดล้อคกัน เป็นระยะ เพราะว่ามีทั้งรถยนต์รถตู้ และรถบัส ขึ้นไปและลงมา สวนกันไม่ค่อยได้
สุดท้ายได้จังหวะกลับรถได้ เลยกลับรถลงมาหนีรถติดกลับดีกว่า ขึ้นไปไม่ถึงยอดอิๆ
ออกจากคาเมรอน ก็ยิงยาวจนถึงด่านชายแดน สะเดาของไทย
ผ่าน ตม. มาเลย์ออกมา อย่างสะดวกสบาย และมาแวะ Duty Free ซื้อขนม ของฝาก ซะหน่อย(แต่ของไม่ได้ถูกกว่าบ้านเราเท่าได โดยเฉพาะพวกเหล้า King Power เราถูกกว่า น่าช้อปกว่าเยอะ) เลยได้แต่ขนมติดมือมา ทานเล่น

พอข้ามผ่านแดนไทย ถึงสะเดา บ่ายๆตอนแรกกะจะไปพัก ที่ทะเลน้อยพัทลุง แต่เปลี่ยนแผน ไปเยือนเมืองตรัง บ้านนายกชวนดีกว่า

แวะทานอาหารค่ำ ที่นี่ แล้วก็ไปเดินเล่นตลาดคนเดินตอนค่ำ
ก่อนเปลี่ยนใจอีกครั้ง ไม่ค้างที่ตรัง แต่ หนีไปนอนที่ สุราษฏร์แทน :P

เช้า ออกจากรร.แวะไปไหว้ พระธาตุ ศรีสุราษฏร์ ที่อยู่ห่างออกจากตัวเมืองไม่ไกลนัก

ก่อนเที่ยง แวะไปทานอาหารทะเล ที่ร้านเก่าที่ เคยประทับใจ คือ ร้านในอ่าว  ที่ อ.กาญจณดิษฐ์

ที่นี่ อาหารทะเลสด อร่อย ราคาไม่แพง คราวไปปีนเขาหลวง สุราษฏร์แวะมาชิมติดใจ แต่รอบนี้หอยนางรม ตัวเล็กไม่สะใจเลย อิๆ

ออกจากสุราษฏร์ มีเวลาอีกทั้งวัน เลยแวะไหว้พระสบายๆมาตามทางเรื่อยๆ รวมทั้งแวะ สวนโมกข์ ของท่านพุทธทาส ที่ อ.ไชยยา
สวนโมกข์ ในวันนี้ ดูเงียบเหงา กว่าทุกครั้งที่เคยไป ไม่รู้เป็นเพราะว่า เพิ่งผ่านทำบุญใหญ่ไป หรือ ว่าคนเราห่างวัดกันมากขึ้น

ใครที่ผ่านเส้นทางสายใต้บ่อยๆ จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ แถวชุมพร เป็นต้นมา หรือแถวหัวหินลงไป ห่างจากกุยบุรี เกือบร้อยโล จะเห็นป้ายโปรโมท ไหว้หลวงพ่อในกุฏิ เป็นระยะ  บ่อยมาก
ผมเคยสงสัยว่า มีอะไร น่าสนใจ มาก ถึงได้โปรโมท มาก เลยแวะไปครั้งนึง เมื่อตอนผ่านลงใต้ ก็พบ ว่า ที่นี่ มีพระพุทธรูป ที่เค้าว่า เป็นหลวงพ่อที่เข้าไปนั่งสมาธิ แล้วกลายเป็นหิน ตามที่เห็นนี่แหละ แปลกใจเหมือนกัน ว่าทำไม เค้าโปรโมท เยอะจัง ทั้งที่ไปถึงก็ไม่มีไร มาก

รอบนี้ เล่าให้ลูกชายฟัง เค้าอยากเห็นเลย พาแวะซะหน่อย

ทริปนี้ ปิดทริปยาวๆ 3500 กิโล สี่วันสี่คืน  ด้วยซีฟู้ด มื้อค่ำ  ที่ตี้หลุง 2 แม่กลอง อาหารอร่อย รสชาติดี ราคาไม่แพง ตามไปชิม ใน FB ผมได้ครับ อิๆ

Back To-=Jfk=- Tour & Trip

www.2jfk.com

มีข้อแนะนำ หรือ ข้อมูลนะนำได้ครับ

jfk@2jfk.com