-=Jfk=- Car Experience

Toyota Fortuner 3.0V กับ Runstop 4 Wheels Disc Brake System

ก่อนอื่น ขอบอกก่อนว่าผมเอง ตั้งแต่ออกฟอร์จูนเนอร์มาใช้ ยอมรับว่าโดยรวมชอบรถคันนี้ พอสมควร ในการใช้เป็นรถ สำหรับการ ท่องเที่ยวป่าเขา เนื่องจากเป็นรถที่สมรรถนะดี รูปทรงสวยงาม และมีราคาไม่แพงเกินไปนักดังที่ได้เคยทำรีวิวการใช้งานบางส่วนไว้ที่นี่ Review Fortuner 3.0V
แต่แม้ จะชอบรถคันนี้ แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่อง ระบบเบรคที่รู้สึกว่า มันทื่อและไม่ปลอดภัย(แม้ว่าทางโตโยต้าจะยืนยันว่ามันทื่อแต่ปลอดภัย สงสัยว่าต้องจำกัดความเร็ว และการใช้งานมัน ตามSpec Toyota :P) และ หลังจากที่ร่วมกับเพื่อนๆ หลายคนในกลุ่ม Fortuner Club และปรึกษาผู้รู้ ร่วมกัน และคิดว่าสาเหตุหลัก ของการทำงานของเบรค ไม่ดีเบรคทื่อไม่ค่อยอยู่ เบรคหน้าร้อนง่าย และร้อนจัด จนผ้าเบรคแตกร้าวร่อน และเบรคไม่ค่อยอยู่ และประสบปัญหาเบรคไหม้ เวลาลงเขา แม้จะใช้ Engine Brake ช่วยบางส่วนแล้ว ก็ตาม คิดว่า น่าจะมีจาก เบรคหลังซึ่งเป็นดรัมเบรค ทำงานน้อยกว่าที่ควรจะเป็นทำให้ภาระของเบรคหน้า มากเกินไป จนเกิดปัญหาดังกล่าว
มีการพยายามแก้ไข ทั้งการใช้ผ้าเบรคหน้าเกรดดี ปรับตั้งเบรคหลังให้ชิดขึ้น รวมทั้งปรับแรงดัน LSPV ให้ตอบสนองการทำงานของเบรคหลังให้ดีขึ้น แต่ จากการใช้งานมา สองหมื่นโล กับผ้าเบรคหน้า สามสี่ชุด และการปรับตั้งเบรคหลัง อีกสองสามครั้ง และผ่านการรันอินผ้าเบรคเรียบร้อยแล้ว
ยังคงพบว่า การเบรคเมื่อใช้ความเร็วสูงพอสมควร (ระดับความเร็ว 140 ) ซึ่งเป็นความเร็วที่ผมใช้ กับ Fortuner ในการเดินทางไกล ถนนว่าง และต้องเบรคติดกัน สองหรือสามครั้งพบว่า ผ้าเบรคหน้ายังคงร้อนจัด (ประมาณว่าลงจากรถทีไร ได้เห็นควันและไอร้อนจากเบรคหน้าเกือบทุกครั้ง) และ เบรคยังคง ทื่อ หรือ เบรคไม่ค่อยอยู่เมื่อร้อน(ซึ่งมันก็ร้อนง่ายกว่าที่ควรจะเป็นเหลือเกิน)
สุดท้ายก็คิดว่า จะยอมเปลี่ยนแปลงปรับปรุงระบบเบรค โดยเปลี่ยนเป็นระบบ Disc Brake ทั้งสี่ล้อ ซึ่งตอนแรกนึก อยากจะเอา Brembo มาลงทั้งชุดหน้าและหลัง แต่เจอราคา Brembo 8 Port หน้า ขนาด 380 มม. ราคา แสนแปด กับ ชุด 4 port หลัง 350 มม. พร้อมดรัมเบรคของเบรคมือ อีก 1.6 แสน ก็ซัดไป 3.4 แสน แถมยังต้องเปลี่ยนล้อขนาดใหญ่ 20-22 นิ้วกับยาง อีก 1 แสนพร้อมปรับปรุงช่วงล่างให้รับกับเบรคอีก 4-5 หมื่นบาท รวมแล้ว ก็ตกครึ่งนึงของราคารถเข้าไปแล้ว เลยต้องถอยมาตั้งหลักก่อน :P

และ จากการที่มีเพื่อนบางท่านทดลองติดตั้งระบบดิสเบรคหลังของ Runstop แล้ว ให้ความเห็นว่าดี พอใจกับมัน ทำให้เพื่อนในบอร์ดฟอร์จูนเนอร์คลับหลายคนสนใจที่จะนำไปติดตั้งกัน แต่ก็อยากจะได้ทดสอบระบบเบรค ก่อน การตัดสินใจ และด้วยการประสานงานของคุณ ณัฐ เว็บมาสเตอร์ใจดี ของFortuner Club ทาง บริษัท ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย Runstop ได้ตอบรับ ที่จะเพื่อนได้ติดตั้งในราคาพิเศษ และนัดทดสอบระบบเบรค กันในวันที่ 25 กพ. 49 (แต่เป็นระบบเบรค ชุดใหญ่ ที่ติดตั้งในรถ ของทางบริษัท ที่ปรับปรุงช่วงล่าง มาแล้ว ใช้ล้อขนาดใหญ่ )
และก็ยัง คงมีคนที่คาใจกันว่า การที่เบรคหลังจับดีขึ้น และมีขนาดใหญ่ขึ้น ( ขนาด320 มม.) ในขณะที่เบรคหน้ายังมีขนาด 297 มม.เท่าเดิม มันจะทำให้หลังจับมากกว่าหน้า จนท้ายปัดได้มั้ยขณะเบรคแรงๆ โดยเฉพาะ ถ้าติดตั้งกับรถ Standard ที่ไม่ได้ดัดแปลงช่วงล่างและเปลี่ยนล้อมา ซึ่งผมเองติดต่อผ่านทางคุณ ณัฐไปว่า ผมขอเสนอเอารถผมให้ทางบริษัทติดตั้งระบบเบรค ชุดเล็ก กับรถแสตนดาร์ดของผม ถ้าผมพอใจ ในคุณภาพ ก็จะซื้อชุดนี้เลย แต่ถ้าไม่พอใจ ก็ไม่เอา ซึ่งทาง บริษัท Runstop ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา และยินดีให้ทดสอบ และนัดติดตั้งให้เมื่อวาน (5 กุมภา 49 ) ที่ โรงงานของเค้าที่พุทธมณฑลสาย 4

มารู้จัก RUNSTOP กันหน่อย

ตอนที่ผมได้ยินเพื่อนๆ คุยกันถึง ระบบดิสเบรคหลัง ของรันสต้อป ที่เราคุยกันนี้ ผมเข้าใจว่ามันคือสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ และมีตัวแทนในไทย แต่จนกระทั่ง วันที่ผมไปติดตั้งและได้คุยกับคุณ A ลูกชายเจ้าของบริษัท ถึงได้ทราบว่ามันคือ แบรนด์ของคนไทยเราเอง ทำเองเกือบทุกชิ้นส่วนทั้ง ตัว คาลิปเปอร์ จานเบรค และ ผ้าเบรค ซึ่ง รวมทั้งการส่งออกด้วย ซึ่งน่าทึ่งที่คนไทยเราทำได้ ขนาดนี้

ระบบเบรค Runstop ที่ติดตั้งให้กับ Fortuner

ณ วันนี้ มีสองชุดใหญ่ๆ คือ

ชุดเล็ก คือชุดที่ผมติดตั้ง มา และ เป็นชุดที่เค้าเสนอมาให้กับทาง คลับเรา ในราคาพิเศษ และแถมจานหน้าให้อีกอัน ชุดนี้ ใช้ได้กับล้อ ขนาดมาตรฐาน คือ 16 นิ้ว จานเบรคหน้าที่แถมมาให้เป็นขนาดเดียวกับ ของติดรถคือ 297 มม.เป็นชนิดสองชั้นมีครีบช่องระบายความร้อนเช่นกัน แต่เพิ่มการเจาะรูและเซาะร่อง ระบายความร้อนให้ดีขึ้น ส่วนคาลิปเปอร์และผ้าเบรค ใช้ของเดิมได้ (แต่เค้าเปลี่ยนผ้าเบรคให้ใหม่ด้วยหนึ่งชุด)
ส่วนเบรคหลัง ซึ่งเป็นงานหลัก อันนี้ยกชุดดรัมเบรคหลังพร้อมเบรคมือออกไปทั้งหมด ติดตั้งชุดเบรคหลัง ซึ่งเป็นดิสเบรค คาลิปเปอร์คู่ แต่ละคาลิปเปอร์ทำงานด้วยลูกสูบตัวเดียว ขนาดผ้าเบรค แต่ละอันไม่ค่อยใหญ่นักพื้นที่สองอันรวมกัน น่าจะสูสีกับ ผ้าเบรคหน้าเดิมอันเดียว จานเบรค สำหรับชุดเล็ก นี่ใช้ ขนาด 320 มม.เป็นแบบชั้นเดียว แต่มีเซาะร่อง และเจาะรูช่วยระบายความร้อน และ ในชุดเบรคหลังนี้ มีดรัมเบรคสำหรับกลไกเบรคมือติดมาด้วย
สำหรับคนที่อาจจะนึกสงสัย(เหมือนผมแต่ก่อน) ว่าทำไม ล้อหลังใส่จานได้ใหญ่กว่า ล้อหน้าทั้งที่ขนาดล้อเท่ากัน ต้องบอกว่า เพราะว่ารูปทรงคาลิปเปอร์ของเก่าตัวมันใหญ่กินเนื้อที่ในซุ้มล้อมาก ขยายใส่จานใหญ่ออกมาไม่ได้ ในขนาดล้อเดิมอ่ะ (หมายเหตุ ล่าสุด ในขณะนี้ ทางรันสต็อปได้ปรับปรุงให้ ล้อมาตรฐาน ขนาด 16 นิ้วที่ติดรถ สามารถใส่กับ จานหน้าขนาด 330 มม.ได้แล้ว ลองอ่านในอัพเดทด้านล่างได้)
(

ชุดใหญ่ ชุดจานเบรคหน้า และ หลัง ใช้ ขนาดเดียวกันคือ 350 มม. โดยจานหน้าเป็นแบบสองชั้นมีครีบระบายความร้อน พร้อมกับ เจาะรูเซาะร่องระบายความร้อนเพิ่ม ส่วนจานหลัง เป็นแบบชั้นเดียว เจาะรูและเซาะร่องระบายความร้อน โดยคาลิปเปอร์นั้น ชุดหน้าใช้ของเดิม ส่วนชุดหลัง คาลิปเปอร์เป็นชุดเดียวกับ ชุดเล็ก แต่ ขายึดต่างๆ จะต่างกันเนื่องจากขนาดจานที่ต่างกัน) รวมทั้งดรัมเบรคสำหรับเบรคมือ จะใหญ่กว่า หน่อยนึง ชุดใหญ่นี่จะติดตั้งได้กับล้อ ขนาด 20 มม. (ถ้าล้อ 18 บางลาย อาจจะมีปัญหาที่ไม่พอได้)
กระซิบถามคุณ A มาว่าเกิดคนติดชุดเล็กแล้ว อยากอัพเกรด เป็นชุดใหญ่หลังจากเปลี่ยนล้อมาแล้วได้มั้ย
คำตอบคือได้ ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนจานหน้า หลัง และขายึด ต่างๆ รวมทั้ง ชุดจานเบรคหลัง(ยกเว้นคาลิปเปอร์ใช้ของเก่า) จะอยู่ ประมาณหมื่นกว่า (แต่กว่าเท่าไรลืมถาม อ่ะ อิๆ)

มาดูการติดตั้งกันเลย

อุปกรณ์ที่เตรียมไว้ รอ ประกอบ ส่วนใหญ่ก็เป็นของชุดเบรคหลัง เพระาว่าด้านหน้า นั่นเปลี่ยนเฉพาะจานเบรค เท่านั้น(แต่เค้าแถมผ้าเบรคหน้าของ Runstop มาให้ด้วย ก็เลยลองใช้ดูเลย เป็น Runstop ทั้งชุด

จานเบรค ครับคู่บนเป็นด้านหน้า ด้านซ้ายอันที่จะติดให้กับผม เป็นขนาด 297 เท่าของเดิมจากโรงงาน ส่วนอันสีชมภูเค้าเอามาพ่นสีสะท้อนแสงให้สวยงามเป็นขนาดใหญ่ เตรียมไว้ออกงานโชว์ที่เชียงใหม่ ทั้งสองขนาดเป็นแบบ สองชั้นมีครีบระบายความร้อน และเจาะรูและเซาะร่อง ช่วยระบายความร้อนเพิ่ม
ส่วนคู่ล่าง เป็นจานเบรคหลัง เป็นแบบชั้นเดียว เจาะรูเซาะร่องระบายความร้อนเช่นกัน (ตัวสีส้มสะท้อนแสง นั่นก็ไซซ์ใหญ่เตรียมไปออกงานเชียงใหม่เหมือนกัน

รูปนี้ถอดล้อหน้า ออก เป็นชุดดิสเบรคหน้า กับจานเบรคเดิมๆ จากโรงงาน จานไม่ได้เซาะร่องและเจาะรู แต่เป็นจาน สองชั้น ที่มีครีบระบายความร้อน เช่นกัน

ผ้าเบรคหน้า ด้านซ้ายเป็น ของไซเท็ค ที่ผมถอดออกมาจากของเดิมที่ใช้ ส่วนอันขวาเป็น ของ Runstop ที่จะเอามาใส่ใหม่ (จากการลองใช้ สั้นๆ มันมีคาร์บอนด์ค่อนข้างมาก ใช้แล้วล้อดำพอสมควร อิๆ แต่ล้อดำไม่เกี่ยงอยู่แล้ว ขอให้มันหนึบก็แล้วกัน :)

ช่าง Dot ช่างรูปหล่ออารมณ์ดี กำลังประกอบ จานเบรค กับผ้าเบรคใหม่กลับคืนไปสู่อ้อมกอดของคาลิปเปอร์ชุดเดิม

ประกอบเสร็จแล้วยังไม่ได้ลองจานเบรคยังคงคงมีสีเคลือบอยู่ปกติ รอไป Burned ทิ้งตอนลอง

มาที่ชุด Drume Brake หลังของเดิม ที่ถอดฝาครอบ ดุม ออกแล้ว รอถอดออกต่อไป

ถอดดุมพร้อมเพลาล้ออกไปเหลือ รูไว้ให้ดูต่างหน้า :)

ต่อไปก็จัดการเอาหน้าแปลนชุดดรัมเบรค ออกจากเพลา ซะ :)

อะนะ ถอดออกมาแล้ว ถอดแล้วไม่ได้ทิ้งนะเก็บเอาไว้ เผื่อกลับใจ วันหลัง อิๆ :) สังเกตุตรงลูกศรสีแดง เป็นเฟือง Auto Adjuste ที่มีแผ่นเล็กที่วางทับเป็นตัวเขี่ย เวลาผ้าเบรคบางลง เฟืองนี้แหละครับ ที่ในความเห็นคุณ Kroner คิดว่า ทางโตโยต้าทำมาหยาบไป ทำให้มันปรับเบรคหลังให้ชิดเข้าไปอัตโนมัติได้ไม่ดี จึง ทำการกลึงเฟืองใหม่ที่ มีความละเอียดกว่ามาใส่แทน เพื่อให้กลไกนี้ทำงานได้ดีขึ้น (ปกติเฟืองตัวนี้ เป็นตัวที่ช่างเค้าใช้เขี่ยหมุนปรับตั้งระยะเบรคมือให้จับ ชิดหรือห่าง ด้วย)

ขายึดจานเบรคหลัง ซึ่งเป็นมีชุดดรัมเบรค สำหรับระบบเบรคมือ ที่จะติดตั้งใหม่ สังเกตุที่ศรชี้ มีเฟืองที่ปรับตั้งระยะเบรคมือเช่นกัน แต่ว่าไม่มีกลไก ให้มันปรับตั้งระยะห่างด้วยตัวเอง

ตลับลูกปืน พร้อมซีลยางกันน้ำมันที่ยังไม่ได้ประกอบเข้าไป

อันนี้ประกอบเข้าไปแล้ว พร้อมกับใส่เพลาลงไปในตำแหน่งปกติและ ใส่วงแหวน(ปริ๊นต์สปริง)ล้อคกันหลุดเข้าไป

เฟืองอันสุดท้ายที่ใส่เข้าไป ตรงศรชี้เป็นเฟือง เซนเซอร์ ABS

ประกอบเพลา กลับคืนเข้าไปและยุดหน้าแปลนของชุดจานเบรค กับเสื้อเพลาด้วยน้อต สี่ตัว เหมือนของเดิม สังเกตุท่อที่ลูกศรสีแดงชี้ นั่นคือท่อน้ำมัน ที่จ่ายมาเลี้ยงดรัมเบรคหลัง ที่จะต้องนำมาเลี้ยงระบบเบรคใหม่ต่อไป ส่วน สายสปริงที่ลูกศรขาวชี้ เป็น สายของกลไกเบรคมือ

ยึดเสร็จ ใส่จานเบรคหลังขนาด 320 เข้าไป

เริ่มประกอบขายึดคาลิปเปอร์เบรค ทั้งสองอัน เข้าไป(ชุดเบรคหลังของ Runstop ใช้คาลิปเปอร์ คู่ แยกกันจับ ทำให้มีขนาดเล็ก กินพื้นที่ติดตั้งน้อย ใช้จานขนาดใหญ่ได้ และใช้ ลูกสูบต่อCaliper ชุดละตัวเดียว ดันจากด้านใน ส่วนผ้าเบรคชิ้นนอกที่ไม่มีลูกสูบดัน จะถูกดึงเข้ามาด้วยตัวโครงคาลิเปอร์ ที่เลื่อนตัวจากการดันของลูกสูบตัวใน (ขวดสีแดงที่เห็นนั่นเป็นน้ำยาแต้มกันสกรูยึดคาลิเปอร์คลายตัว ถือว่ารอบคอบดี อีกชั้นแฮะ :) )

ต่อสายรับน้ำมันเบรค จากคาลิปเปอร์ด้านนึงไปยังตัวจ่ายรวมที่รับมา จากท่อน้ำมันเดิม

อันนี้ประกอบเสร็จทั้งสองด้านไปรวมรับน้ำมันจากทางแยกตรงกลาง แล้วก็จัดการไล่ลมในระบบเบรค พร้อมปรับตั้งระยะเบรคมือให้เรียบร้อย ประกอบล้อกลับไป ก็เสร็จ การติดตั้ง สังเกตุว่า ถ้าจะเปลี่ยนผ้าเบรค พวกนี้ ต้องไขน้อตยึดคาลิปเปอร์ด้านหลัง ด้านละสองตัว เพื่อยกมันลอยขึ้น ถึงจะเปลี่ยนผ้าเบรค ได้ แต่ไม่ต้องถอดสายน้ำมัน และไล่ลมผ้าเบรคใหม่ ต่างกับผ้าเบรคหน้า ซึ่งแค่ถอดล้อไม่ต้องถอดคาลิปเปอร์ แต่แกะสลักแล้วสอดผ้าเบรคเข้าออกเปลี่ยนได้เลย)

สำหรับการปรับตั้งแรงดัน LSPV ของผมช่างบอกว่าเดิมปรับตั้งไว้แรงดันที่ถ่ายมายังเบรคหลังปรับมาจนน้อยที่สุดที่จะปรับได้อยู่แล้ว แต่เมื่อใช้ดิสเบรคหลังซึ่งอาจจะทำให้มีการทำงานของเบรคหลัง แรงและเร็วขึ้น ดังนั้น จึงยังต้องการปรับแรงดันให้ LSPV ให้มาที่เบรคหลังให้น้อยลงไปกว่า นั้นอีก จนได้ระดับที่เหมาะสม (เดิมเคยถอดสปริง ออกไปเลยไม่ให้ทำงาน แต่ผลเสียคือ การตอบสนอง ในเวลาบรรทุกหนักเสียไป แต่ในชุดของการติดตั้งเบรคหลังของ RunStop ใหม่นี้ ทางบริษัทได้ติดตั้ง สกรู ที่ปรับระยะได้(ลูกศรชี้) ไว้ให้ตัวสปริงปรับแรงดัน LSPV เข้าไปเกี่ยว และปรับระยะได้เพิ่มขึ้น ลดแรงดัน ที่จะมายังเบรคหลังให้พอเหมาะ แต่ยังคงตอบสนอง ขณะบรรทุกหนักได้

หน้าตาของล้อหลัง หลังจากผ่านการใช้ติดตั้ง และใช้งานมา สองร้อยกว่ากม. สีฟ้าของด้านหลังผ้าเบรค มองดูแล้ว สวยสดใสดีเหมือนกัน :)

อันนี้ล้อหน้า กับคาลิปเปอร์เดิม สังเกตุ หลังการใช้งานสีที่จานเบรคหายไปหมดแล้วเหลือแต่โลหะที่เงาวาว อิๆ จะว่าอุปทานหรือป่าว แต่ผมสังเกตุว่า จานใหม่ที่ใส่มา ไม่มีรอยไหม้ดำติดอยู่ เหมือนกับ จานเก่า ที่หลังใช้งานแทนที่มันจะขาวใสๆ อย่างนี้ มนจะมีรอยไหม้ดำเกือบตลอด (ไม่นับฝุ่งผงคาร์บอนด์ จากผ้าเบรคนะ) :)

สรุป
การติดตั้ง กับอุปกรณ์ที่เห็น พอใจในระดับนึง โดยเฉพาะคุณ A ซึ่งเป็นลูกชาย ของเจ้าของบริษัท ที่ดูแล เอาใจใส่ดีเป็นพิเศษ และช่าง ก็ดูคล่องแคล่วชำนาญ
การทดลองขับ ชุดติดตั้ง เบรคขนาดเล็ก (หลัง 320 หน้า 297) เนื่องจากเบรคยังอยู่ในระยะรันอิน ยังไม่ได้เหยียบรุนแรง แต่เท่าที่ลองขับทั้งในกรุงเทพ 40 กว่าโล และ ทางยาว กลับบ้าน อีกสองร้อยโล เบรคตอบสนองดี อย่างที่ควรจะเป็นให้ความรู้สึกดี นุ่ม กะระยะได้ดังใจ หลังจากวิ่งมา เกือบสองร้อยกม. ใช้เบรคพอสมควร ระหว่างทางตลอด จอดรถแวะกินต้มเลือดหมู ที่สิงห์บุรี ก่อนเข้าบ้าน ลงไปดูที่ล้อทั้งสี่ อุณหภูมิไม่สูงมากจนผิดปกติ เหมือนเคย ที่เกือบทุกครั้งจอดรถ ควันขึ้นล้อหน้าพร้อมกินไหม้ ถ้าขับทางไกล (แต่ส่วนนึง อาจจะเป็นจากที่ วันนี้ขับแบบถนอมเบรคบ้างพอประมาณ)
แต่เรื่องการเบรคแรงแล้วท้ายปัดหรือไม่ กับช่วงล่างปกติ และ การเบรคติดๆกัน ที่ความเร็วสูงพอประมาณ แล้วร้อน เบรคเฟดไม่อยู่ นั้น ขอให้เบรครันอินไประยะนึง แล้วจะมารายงานให้ทราบอีกที

ส่วนการลองขับรถคุณ A ซึ่งเป็นรถที่ปรับแต่งช่วงล่าง และใช้ล้อ 20 นิ้ว กับ จานเบรคชุดใหญ่(หน้า 350 มม. และหลัง 350 มม. ) แต่ใช้ คาลิปเปอร์เหมือนกัน กับชุดเล็ก ทั้งลองเบรค แรงๆ ติดๆกันหลายครั้งที่ความเร็วสูงพอประมาณ ถือว่าเยี่ยม ครับ ใกล้เคียงกับรถเก๋ง ระดับกลางถึงดี น่าพอใจ

แถมรูปสีสวยๆของล้อหลังของรถคุณ A ซึ่งเค้าเตรียมเอาขึ้นไปโชว์เชียงใหม่ อีกไม่กี่วันข้างหน้า และอาจจะเป็นคันที่ให้พวกเราได้ทดลองขับในวันที่ 25 กพ.นี้

ล้อหน้าแม้ สีคาลิปเปอร์เดิมไม่เจ็บเหมือนล้อหลัง แต่สีหน้าแปลนจานเบรคสดใน ยังโผล่มาให้เห็นนิดๆ

ภายในโรงงาน ที่เห็นส่วนใหญ่เป็นพวกดรัมเบรคขนาดใหญ่ของรถบัส และ รถบรรทุกที่ทางบริษัทเค้าทำส่งออก

สารพัดจานเบรค แบบต่างๆ ที่ของที่นี่เค้าทำเอง ฝีมือคนไทยครับ ที่นี่เค้าหล่อกลึงเองหมด เครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย ผมดูแลภูมิใจ ครับที่คนไทยเรามีฝีมือขนาดนี้
เหลือแต่รอพิสูจน์ผลงาน ที่ออกมา ว่าจะดี ตลอดไปหรือไม่ เป็นกำลังใจให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ดีๆตลอดไปครับ

เพิ่มเติม ความเห็นหลัง ผ่านการใช้งาน และทดสอบ มาแล้ว กว่า สี่พันโล

จาก ที่ติดค้างไว้ ตอนทำรีวิวใหม่ตอนแรก หลังผ่านการใช้งาน มาแล้ว ประมาณสี่พันโล ต้องถือว่า ชุดเบรคนี้ ใช้งานได้ดีสม่ำเสมอ สั่งเบรคได้ดังใจ อาการเบรคทื่อเมื่อเบรคซ้ำๆ ติดกันจนเบรคร้อน มีน้อยกว่ารถเดิม มาก เรียกว่า ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถเก๋งที่ใช้อยู่ทุกวัน การเบรคแรงๆ ไม่มีการปัดท้ายใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้ง ABS ทำงานปกติดีทุกครั้งที่เบรคแรง
การทดสอบยังไม่ได้เอาขึ้นเครื่องทดสอบเบรค
แต่ว่าได้ทำการทดสอบแบบใช้งานจริง โดยเมื่อทริปก่อน ที่ไปเที่ยวพัทยากับเพื่อน ชาว ฟอร์จูนเนอร์คลับ และ ฟอร์จูนเนอร์แมนเนีย ได้มีโอกาศ นำรถพวกเพื่อนๆ รวมทั้งคันนี้ ไปทดลองเบรคกันที่ ท่าเรือแหลมฉบัง โดยติดตั้งเครื่องวัดประสิทธิ์ภาพการเบรค และความร้อนของจานเบรค โดยเปรียบเทียบกับของเพื่อน อีกสามคัน รวมสี่คัน ซึ่งปรับแต่งกันมาต่างๆกัน ก็มีข้อดีแตกต่างกันไป ผมขอนำเสนอเฉพาะของคันของผมล่ะกัน ของคนอื่น ขอรอไว้ขออนุญาติเจ้าของก่อน
การทดสอบ ทำโดยติดตั้งเครื่องวัดความหน่วงของการเบรค โดยหลังจากออกตัว แล้วเริ่งความเร็วขึ้นมาจนถึงประมาณ ร้อยกม.ต่อชม  จนถึงจุดที่เพื่อนคอยรอวัดอุณหภูมิผ้าเบรค แล้วค่อยเบรคทันที  (ระยะทางประมาณ สองกม. แล้ว วิ่งวนกลับไปเริ่ม กลับมาใหม่ ในรอบต่อไป มาดูผลในตารางกัน

สังเกตุได้ว่าอุณหภูมิของจานเบรค ไม่ร้อนจัดเหมือน กับรถแสตนดาร์ด ที่ไม่ได้ปรับแต่ง เหมือนตอนทดสอบกันที่บริดส์สโตน (แม้ตอนนั้น อันนั้นจะวัดที่ผ้าเบรค แต่ก็ไม่น่าจะต่างกันมากนัก) ระยะเบรคที่ได้ แม้จะไม่สั้นแบบรถเก๋งเนื่องจากน้ำหนักรถที่มากและทดสอบบนถนนจริง แต่ความรู้สึกที่ได้ต้องบอกว่า ดีครับ
สำหรับเพื่อนที่ ใช้ฟอร์จูนเนอร์และไม่ได้เป็นคนที่ขับรถเร็ว เบรคแรงๆมากๆ เท่าที่ฟังดู แค่ปรับแต่งแรงดัน LSPV และ ปรับตั้งระยะเบรคหลังให้พอดี ตลอดจน แก้ไขเรื่องตัวตั้งเฟืองปรับระยะผ้าเบรคหลังอัตโนมัติแล้ว ก็มักจะพอเพียงต่อการใช้งาน แล้ว
แต่ถ้าเป็นคนที่ขับรถเร็วแรง ต้องเบรคบ่อยๆ และต้องขับรถขึ้นเขาเที่ยวบ่อยๆ ซึ่งอาจจะต้องพึ่งพาเบรคร่วมด้วยมากหน่อยนอกเหนือไปจากการใช้ Engine Brake ล่ะก้อ ถ้าพบว่า เบรคที่ปรับแต่งมาแล้ว ยังไม่เป็นที่พอใจ (เหมือนผม) เบรคชุดนี้ ในงบประมาณ สามหมื่น น่าจะเป็นอีกทางเลือกให้ทดลองดูครับ สำหรับผมณ วันนี้พอใจ แล้ว ครับ แต่ถ้ามีโอกาส เปลี่ยนล้อเป็นล้อใหญ่ 20 นิ้ว ไม่แน่ ว่าอาจจะอัพเกรด ไปเป็นจานเบรคหลัง 350 และ จานหน้า 320 ซึ่งจะทำงานได้ดีขึ้น โดยเพิ่มงบประมาณอีกประมาณหมื่นกว่าบาท

Update อีกครั้ง กับการเปลี่ยนจานหน้า ขนาดใหญ่ขึ้น เป็น 330 มม.
(19 เมษายน 2549)

หลังจากาการใช้งาน หลังการเปลี่ยนใช้ ดิสเบรคหลัง ของรันสต็อป มาได้ ประมาณ สองเดือนครึ่ง ระยะทางที่วิ่งไป อีกประมาณ 1.5 หมื่นโล กับ ชุดเบรคหน้าหลัง ชองรันสต้อป พร้อมผ้าเบรคเซรามิค ของ รันสต้อปเช่นกัน ต้องยอมรับว่า ใช้งานได้ดีเป็นที่น่าพอใจ คงมีปัญหา เรื่องเบรคประสิทธิภาพลดลงบ้าง เวลาเบรคติดกันแรงหลายๆครั้ง แล้วเบรคร้อน (ซึ่งแม้จะดีกว่าเบรคเดิมมากแต่ก็ยังมีปัญหาอยู่นิดๆ )และได้เคยปรึกษาไปกับทาง คุณชัยรัตน์ เจ้าของรันสต๊อป ซึ่งก็ได้แนะนำ และติดต่อมาว่าให้นำมาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคเป็น Ate Super Dot4 ซึ่งมีจุดเดือดสูงกว่า Dot 3 ที่ติดมากับรถ ว่าทดลองแล้วทนเบรคร้อนได้ดีขึ้น และได้ทราบว่า ได้มีการปรับปรุงให้ ใช้เบรคหน้า จานขนาด 330มม. กับล้อ มาตรฐาน ขนาด16 นิ้วติดรถได้แล้ว ก็เลยสนใจลองติดตั้งด้วยเลย
สำหรับปัญหาเรื่องเบรคร้อน ได้ทราบจากทางคลับว่าทางโตโยต้าได้ทราบ และทดลองปรับปรุงโดยการ เปลี่ยนหรือดัด แผงดักลม หรือจะเกรียกว่าแผ่นเหล็กป้องกันจานเบรค ให้มีระยะห่างจากจานเบรคมากขึ้น เพื่อให้ลมผ่านได้ดี ระบายความร้อนได้ดี ซึ่ง ผลพบว่า ความร้อนจากการเบรค แรงๆติดกัน ลดลง เบรคดีขึ้นด้วยซึ่งก็น่าสนใจทีเดียว

มาดูการติดตั้งและรายละเอียดกัน

ถอดจานเบรค และคาลิเปอร์ ออก แล้วจัดการตัดแผงดักลม บากให้ เข้ากับ Caliper ที่จะเลื่อนตำแหน่งใหม่ (หน้าตาของเดิมดูจากรูปด้านบนล่ะกัน)

หลังจากใส่จานขนาดใหม่ 330 มม.เข้าไป แล้ว จากข้อมูลเรื่องแผงดักลมที่โตโยต้าปรับให้ห่างแล้ว ความร้อนในจานเบรคลดลง ตอนเบรคแรงๆ ก็เลยให้ช่างดัดออกให้ห่างมากที่สุด แต่ไม่ติดกับชิ้นส่วนข้างเคียง (รูปนี้ ยังดัดออกมาไม่สุด นัก และ ถ้ามองจากด้านตรง จะเห็นว่าจานมันใหญ่กว่าแผงดักลมเรียกว่าบังกันมิด :P


Adaptor ที่ใช้ยึดคาลิปเปอร์ใหม่ ตัวที่มีเลข330 นั่นเป็นเหล็กหล่อเหนียว ใช้ยึดตัวคาลิปเปอร์ กับตำแหน่งยึดเดิม เพื่อเลื่อนตำแหน่งให้พอดีกับจานขนาด 330 มม.) ส่วนตัว สีเงินเป็น ขายึดตัวยึดท่อน้ำมันเบรค ซึ่งต้องย้ายตำแหน่ง ตามคาลิปเปอร์ด้วย ตามรูปร่างนั่นแหละ

คาลิปเปอร์ ที่ประกอบกลับเข้าไป ในตำแหน่งใหม่พอดีกับกับขนาดจาน สังเกตุดูจานขนาด 330 ที่เห็นเหมือนกับเป็นจานสองชิ้นแยกส่วนใบจาน และหน้าแปลนที่ยึดติดด้วยสกรู แต่จริงๆแล้ว มันเป็นเหล็กชิ้นเดียว กัน และ สกรูหลอก ติดไว้ให้สวยงามแค่นั้นดังนั้นเวลาเปลี่ยนเปลี่ยนยกชุดนะ อย่าคิดเปลี่ยนแต่ใบจานเหมือนผม คิด อิๆ :P

พอใส่ล้อเข้าไปแล้ว จานขนาด 330 จะเห็นได้ว่าเต็มซุ้มล้อ ถ้าเป็นล้อที่ลายโปร่ง น่าจะมองเห็นดิสก์ ได้สวยงาม ส่วนคาลิปเปอร์ ถ้าดูจากด้านในจะเห็นว่าเลื่อนออกมาจนเกือบชิดล้อเหลือระยะห่างเป็นช่องว่างแค่ไม่กี่มม. เรียกว่า หมดสิทธิ์ ขยายขนาดจานให้กว้างกว่านี้อีกแล้ว สำหรับล้อติดรถ สรุปแล้ว ใส่แล้วสวยขึ้น ครับ ดิสก์เต็มซุ้มล้อ ไม่เล็กกระติ๊ดเดียว เหมือนรถบางรุ่น)
จุดสังเกตุอีกอย่างที่สำคัญ ที่ผมสังเกตุเห็น ในการเปลี่ยนจานครั้งนี้ ก็คือ ใบจานนี้ จากคำบอกคุณ ชัยรัตน์ เค้าบอกว่าเนื่องจาก จำนวนผลิตยังน้อย การที่จะทำแบบออกมาโดยตรง ยังไม่คุ้ม เค้าจึงใช้ จานขนาดใหญ่ 350 มากลึงขอบออกไป ให้เหลือขนาด 330 มม.เอามาใช้กับล้อมาตราฐานนี้ นั้น ส่งผลให้พื้นที่หน้าสัมผัสของตัวจาน ที่จะจับกับผ้าเบรค มันน้อยลงไป ด้วย ก็ถามเค้าว่า ถ้าทำจาน 330 ขึ้นมาโดยตรง โดยลดขนาดหน้าแปลน ให้เล็กลง โดยคงความกว้างของพื้นที่หน้าสัมผัสให้กว้างเท่าเดิม น่าจะดีกว่ามั้ย
คำตอบจากคุณชัยวัฒน์ ก็คือ มันอาจจะดีขึ้นบ้างนิดหน่อย แต่ไม่มากนักเนื่องจาก แม้จะทำอย่างนั้น แต่เนื่องจาก คาลิปเปอร์ติดรถนั้นรัศมีความโค้งเค้าทำมาสำหรับจานขนาด 298 มม.เท่านั้นพอใช้จานใหญ่ ซึ่ง มันโค้งมากกว่า เวลาติดตั้งเข้ามาใกล้มากๆมันติดมุมคาลิปเปอร์ พื้นที่ตรงส่วนกลาง ด้านนอกสุดจะสัมผัสจานได้ไม่เต็มที่อยู่ ซึ่งจากการที่ลองวัดเทียบกับจานเก่า ขนาด 298 แล้ว พบว่าพื้นที่หน้าสัมผัสตามแนวตั้งลดไปประมาณ 1-2 มม. แต่ก็ได้ ขนาดจานที่ใหญ่กว่า ระบายความร้อนได้ดีกว่ามาชดเชย ซึ่งคงต้องลองเทียบกันดู ว่า มันจะดีกว่า กันมากมั้ย(จากการทดลองขับ คันของคุณ A ซึ่งเมื่อวานเปลี่ยนมาใช้ ล้อ 16 นิ้วติดรถ กับชุดเบรคหลัง ขนาด 320 มม. และหน้า 330 เหมือนของผม ) ก็พบว่าดีขึ้นกว่า พอสมควร ส่วนของผม รอให้หน้าผ้าเบรครันอินจับเต็มหน้าผ้า แล้วจะมารายงานให้อีกทีครับ
สำหรับราคา การปรับเปลี่ยน ทางรันสต้อป ตั้งราคาไว้ สำหรับการเปลี่ยน จานหน้าเป็น 330 mm และตัว Adaptor 19500 บาท แต่สำหรับคนที่ติดตั้งชุดก่อนมาแล้ว มาทำ เค้าลดให้ 50% เหลือ 9750 บาท ซึ่งถ้าตามความรู้สึกผม อยากบอกว่าแพงไปนิด สำหรับระบบเบรคที่ทำในบ้านเราเอง แต่เนื่องจากจำนวนรถที่ใช้เบรคนี้ ยังไม่มากนัก คงต้องยอมรับว่าการพัฒนา ของที่มียอดการผลิตไม่มากนักคงต้องยอมรับเรื่องราคาพอสมควร ซึ่งเมื่อเทียบกับของจากต่างประเทศ ก็ยังถือว่าราคาพอยอมรับได้
แต่ถ้าเป็นคนไม่เคยติดมาก่อน คือติดตั้งชุดนี้เลย คือ หน้า 330 และหลัง 320 ผมเองไม่แน่ใจ ว่าทางรันสต้อปตั้งราคาไว้เท่าไร แต่ หวังไว้ว่า ราคาคงไม่แพงไปกว่า ชุดเล็กเดิม มากนัก เพื่อที่คนใช้ จะได้พอยอมรับได้เรื่องราคา (และดุแล้ว ในแง่ของวัสดุ และ อุปกรณ์การผลิต ก็ไม่ได้ต่างกันมากนักด้วย :P )

อันนี้เป็นน้ำมันเบรค ยี่ห้อดัง Ate เกรด Super Dot 4 ทนความร้อนได้ระดับ 180 C ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานหนักได้ดีกว่า น้ำมันเบรคติดรถซึ่งได้จัดการเปลี่ยนให้กับ ระบบเบรคคันนี้แล้ว

Visit Jfk Car Gallery

www.2jfk.com

มีข้อแนะนำ หรือ ข้อมูลเพิ่มเติมแนะนำได้ครับ

jfk@2jfk.com