-=Jfk=- Running Corner
อันตรายจากการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นเรื่องดี
แต่บางครั้ง การหักโหม และ การประมาทก็ นำมาซึ่งการบาดเจ็บได้ ระวังไว้ ก็ดีครับ

อาการวูบ ล้มหมดสติ จากการวิ่ง

วันอาทิตย์ที่ 18 มิย. 49 ผมไปลงวิ่งมาราธอน 43 กม. ที่งานชอนตะวันมาราธอน ครั้งที่ 4 กลับมา หลังจากนั้นก็พักกล้ามเนื้อ หยุดซ้อม มา 3-4 วันเตรียมว่า อาทิตย์ถัดไปจะไปแข่งฮาล์ฟ 21 โล ที่อุทัยตอนเช้า กับ เสือภูเขาที่พุแค สระบุรีตอนบ่าย
ตอนเย็น วันเกิดเรื่องก็เลยออก ออกไปวิ่งเล่นซะหน่อย กะแค่วิ่งคลายกล้ามเนื้อไม่กี่โล ก็พอ
ปกติ
แล้วผมจะซ้อมวิ่งตอนค่ำ และจะเตรียมทานอาหารตั้งแต่ประมาณบ่าย 3 ถึง บ่าย 4 เพื่อให้อาหารย่อยไปจนหมด กลายเป็นพลังงานสะสม ไว้ใช้ และจะเตรียมน้ำกับเกลือแร่ ติดตัวออกไปด้วยทุกครั้ง
แต่คราวนี้ด้วยความประมาท คิดว่าจะไม่วิ่งยาว
แค่วิ่งคลายกล้ามเนื้อ ซักห้าหกโลแค่นั้น ก็เลยไม่เตรียมตัวอะไรเลย ทานอาหารได้ แค่ประมาณ ชม.เดียวก่อนออกไปวิ่ง อาหารยังไม่ทันย่อยได้หมด ก็ออกไปวิ่งเลย ไปแบบตัวปล่าว ไม่ได้วอร์มอัพ วิ่งไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วพอประมาณ
พอวิ่งไปได้ ประมาณ 4 กม. วันนี้รู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกตินิดหน่อย
กับหวิวๆนิดๆ คิดว่า คงเป็นจากน้ำตาลในเลือดต่ำลงมาเร็ว(ตามปกติของผม ที่น้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่ายเวลาวิ่งเร็วๆ ติดต่อกันนานๆ หลายสิบกิโล แล้วไม่ได้ทานอาหารเสริมพลังงาน เพื่อช่วยชดเชยน้ำตาลอย่างเพียงพอ ซึ่งปกติก็จะทานเครื่องดื่มเกลือแร่ หรือPower Gel เสริม) ซึ่งพอรู้สึกแล้ว ก็เลยตัดสินใจหยุดวิ่ง
และจากการที่
เห็นว่า วิ่งไปวันนี้ระยะทางแค่ สี่กม. ไม่มากเหมือนปกติ ก็เลยประมาทอีกครั้ง ละเลยกฏสำคัญ ของการออกกำลังกายอีกข้อ คือการ Cool Down เดินกลับเข้าบ้านเลย เดินมาได้ 50 เมตร เจอแฟน คุยกับเพื่อนก็หยุดทักกับเค้า  แปล๊บนึง แล้ว ก็เดินแยกมา ได้ซักประมาณ 5 เมตร
ตอนนั้นเอง
คงเป็นจากที่หยุดกระทันหัน ไม่ได้ค่อยๆ Cool Down กล้ามเนื้อที่ขาที่ใช้งาน และช่วยปั๊มป์เลือดกลับสู่หัวใจ คายตัวออก ทำให้เลือดไปค้างที่ขากลับสู่หัวใจลดลง ประกอบกับ เพิ่งกินอาหารใหม่ๆ อาหารกำลังถูกย่อย เลือดเราจะไปเลี้ยงในทางเดินอาหารมากกว่าที่จะไปเลี้ยงหัวใจ และสมอง ผลคือรู้สึกหวิวๆ เหมือนจะเป็นลม ก็เลยรีบย่อตัวลงต่ำ มือเท้ากับพื้น กันล้ม ตามปกติ เหมือนที่เคยปฏิบัติทุกครั้งที่ จะมีอาการ(จริงๆอยากหาที่นอนราบลงไป แต่พื้นตรงนั้นสกปรก เลยนั่งเฉยๆ)
หลังจากนั้น
มารู้สึกตัวอีกที คนมุงรอบตัว รวมทั้งแฟนเอาผ้า มาซับเช็ดหน้าให้
ความรู้สึกเหมือนกับว่าตอนที่ก้มลงไปนั้นแล้ว
วูบไปไม่รู้สึกตัว หน้าคว่ำลงไป แล้วมีแผลถลอกหรือไง
แต่
ปรากฏว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น คนที่เห็นรวมทั้ง แฟนผม บอกว่า หลังจากเห็นผมย่อตัวลงไป นั่งนิ่งแปล๊บนึง (เห็นด้านหลัง) แล้วก็ลุกขึ้นเดิน ตัวแข็งๆ ประมาณ 2-3 ก้าว ก่อนล้มทั้งยืนลงไปแล้ว แล้วนิ่งเงียบไป ประมาณ ครึ่งนาที
ช่วงที่ลุกเดิน แล้วล้มลงไป จนกระทั่ง รู้สึกตัว
นั้นไม่อยู่ในหัวเลย คิดว่า คงเป็นเพราะว่าหลังจากนั่งลงไปแล้ว คงจะเบลอๆ จากสมองขาดเลือดและน้ำตาล ด้วยสาเหตุที่บอกข้างบน แล้วลุกขึ้นมาจนล้มกลับลงไป (จำได้แค่ความรู้สึกตอน กำลังสั่งตัวเองให้นั่งลง) หลังจากนั้นก็รู้สึกตัวดี ตามปกติ
ผลของการล้ม พอรู้สึกตัว ขัดหัวไหล่ข้างขวา
กระดูกฝ่ามือและข้อมือขวาซ้น เข่าซ้ายถลอกเป็นแผล หน้าถลอกนิดหน่อย ตรงคางมีเลือดไหลออกมาเยอะพอสมควร
ส่องกระจกดู แผลโอ้
แผลที่คางแตกลึกใช้ได้เลย ยาว 3-4 ซม. จัดการเย็บไป 8 เข็ม เป็นแผลเย็บที่ยาวที่สุดของตัวเอง (เจ็บมากกว่า ตอนรถยนต์คว่ำซะอีกแฮะ :P :P :P

สภาพแผลหลังเย็บ นอกจากที่เห็นโหนกแก้มขวา คางที่ลึกต้องเย็บ 8 เข็มแล้วก็มีไหล่ที่ถลอกและช้ำ เพราะว่าคงกระแทกลงไปรับแรงตรงๆ และแผลแตกช้ำที่เข่าขวา ส่วนกระดูกนิ้วหัวแม่มือและข้อมือซ้นไม่มีแผล เอ็กซ์เรย์ กระดูกไม่หัก (ค่อยยังชั่ว แต่คงหายช้ากว่าอย่างอื่นเลย :(

แผลหลังเย็บ 8 เข็ม พร้อมรอยช้ำรอบๆให้ดูต่างหน้า :P ซึ่งไม่แปลก ที่ล้มแบบนี้ จะเจ็บมากเนื่องจาก คนหมดสติกล้ามเนื้อจะคลายตัว ทิ้งตัวลงแบบ ไม่มีการป้องกันตัว ต้องถือว่าโชคดี ที่ศรีษะไม่ฟาดลงไป ในจุดที่อ่อนกว่านี้ ซึ่งอาจจะทำให้อันตรายกว่านี้ได้

หัวเข่า ซ้าย วันที่ 4 หลังจากล้มแผลเริ่มตกสะเก็ดแล้ว

ไหล่ขวาที่ร่วมรับแรงหลัก ร่วมกับคาง เมื่อครบสัปดาห๋ แผลแตกช้ำ ตกสะเก็ดแห้งแล้ว แต่ รอยช้ำและเลือดคั่งกำลังละลาย จากเขียวช้ำกลายเป็นสีเหลือง คาดว่าอีกสัปดาห์เต็ม ก็คงจางหายหมด ใช้งานได้ดีแล้ว :P
ดูจากร่องรอยของยาดแผล คนส่วนใหญ่จะนึกว่า เป็นจากมอร์ไซค์ล้ม หรือไปเล่นเสือภูเขาเจ็บตัวมากันทั้งนั้น คงมีน้อยคน ที่จะคิดว่าเป็นแผลจากการยืนล้ม :P :P

แผลที่ คาง และหน้า ครบ 7 วันตัดไหมหมด 8 เส้น เสก็ดแผลจากการช้ำลอกไปแล้ว รอสีผิวกลับคืนมา

จากประสบการณ์ คราวนี้ เลยอยากฝากเตือนเพื่อนที่ออกกำลังกายประจำ ว่าพยายามอย่าฝืนหลักการเตรียมตัว และ Warm Up และ Cool Down ให้พอเพียงเสมอ ก่อนและหลังการออกกำลังกาย ทุกครั้ง และ อย่ารีบร้อนออกกำลังกายหลังจากทานอาหารเสร็จใหม่ๆ ไม่ใช่ แค่จะทำให้จุกได้ แต่ยังทำให้วูบ ได้ด้วย อย่างที่บอก ถ้าออกกำลังกายติดต่อกันนานๆ ก็ควรเตรียมน้ำและเกลือแร่ หรืออาหารเสริมพลังงานไปเตรียม รับประทานให้พอเพียง

อย่าประมาท !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

เพิ่มเติมความรู้เรื่องการวูบจากการวิ่ง

อาการวูบ หรือการเป็นลม หรือ หมดสติ ในระหว่างวิ่ง โดยเฉพาะการวิ่งระยะยาวๆ พบได้บ่อยๆ ในหมู่นักวิ่ง อาการเตือน ก่อนมีอาการ อาจจะเป็นความรู้สึกเหนื่อย หายใจผิดปกติ หูอื้อ ตาลาย พร่ามัว ก่อนที่จะวูบหมดสติไป บางคนเรียกภาวะนี้ ว่า บ๊องซ์ ซึ่งเป็นศัตรู ตัวร้าย ของนักวิ่งมาราธอน คู่กับ การชนกำแพง
สาเหตุ พบได้หลายๆอย่าง บางครั้งก็เป็นสาเหตุร่วมกัน ก็ได้ เช่น

1 ออกกำลังกายหนักจนเหนื่อยมากจนเกินกำลังของตัวเอง ต่อเนื่องกันทำให้หัวใจสูบฉีด เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ อาจจะทำให้วูบได้ หรือ ในรายรุนแรง อาจจะมีอาการของหัวใจขาดเลือดเกิดภาวะหัวใจวายได้ เช่นกัน พวกนี้บางครั้งพบในนักวิ่งระยะยาวที่วิ่งมาไกล แล้วมาเร่ง Sprint ตอนใกล้เข้าเส้นเต็มที่จนเกินขีดความทนทานของร่างกาย

2 น้ำตาลในเลือดต่ำลงมากจากการออกกำลังกายต่อเนื่องนานๆ และหนัก พบได้ในนักวิ่งระยะยาวๆ ที่เตรียมตัวหรือฝึกซ้อมมาไม่ดีพอ (โดยเฉพาะคนที่มี เมตตาโลลิซึ่ม หรือการเผลาผลาญพลังงานสูง) แล้ว ไม่ได้กินอาหารหรือเครื่องดื่มเพิ่มพลังงาน ที่ย่อยและดูดซึมได้เร็ว ขณะที่ออกกำลังกาย หรือแม้แต่การ ออกกำลังกายหนัก หลังอาหารใหม่ๆ ก็เกิด น้ำตาลในเลือดต่ำ มากได้ อย่างตัวอย่างผมข้างบน

3 การหยุดการวิ่ง กระทันหัน หลังจากวิ่งมายาวๆ ทันที เช่นหยุดทันทีหลัง เข้าเส้นชัย หรือ ก้มลงเก็บของ ที่ตกตามพื้น หรือ ก้มลงผูกเชือกรองเท้าที่หลุด ซึ่งนอกจากอาจจะทำให้เกิดตะคริวขึ้นกล้ามเนื้อได้ แล้ว ยังทำให้วูบได้ด้วย ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจาก ขณะที่เราวิ่งต่อเนื่องนั้นกล้ามเนื้อจะบีบรัดตัว ไล่เลือดให้ย้อนกลับมาที่หัวใจ ก่อนสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายรวมทั้งสมอง การหยุดวิ่งทันที กล้ามเนื้อจะคายตัว ทำให้เลือดไปคั่งค้างที่ขามาก กลับเข้ามาสู่หัวใจน้อยลง โดยเฉพาะการก้มตัว จะทำให้ลำตัวของเราหักพับเลือดที่จะไหลย้อนกลับจากขา จะยิ่งลดลงมากไปอีก(จากการหักพับกดเส้นเลือดที่โคนขา ทำให้ยิ่งเพิ่มความรุนแรงไปอีก ต้องระวังเป็นพิเศษ ดังนั้นถ้าเพื่อนที่ออกวิ่งตามสวนสาธารณะ ที่มีคนเล่นกีฬาประเภทอื่น เล่นร่วมด้วย บางครั้งมีอุปกรณ์กีฬาบางอย่างเช่นลูกเทนนิส หรือลูกบอลกลิ้งมาหานักวิ่งที่วิ่งมานาน ถ้าไม่แน่ใจ ก็เลี่ยงการหยุดก้มหยิบ ลูกบอลเหล่านั้นคืนเพื่อนด้วย เนื่องจากเสี่ยงต่อการ วูบได้เช่นกัน และขอความกรุณาเพื่อนๆที่เล่นกีฬาอื่นๆ เข้าใจนักวิ่งด้วย ว่าไม่ใช่ไร้น้ำใจ:P
รวมทั้งฝากถึงเพื่อนนักจักรยานที่ปั่นไกลๆ จนเหนื่อยได้ที่ แล้ว กระป๋องน้ำ หรือ สิ่งของอื่นๆตกหล่น แล้วจอดก้มลงไปเก็บ ให้ระวังการวูบจากการหยุดและก้มตัวทันที ให้เป็นพิเศษ จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้วูบกันได้ง่ายมาก
สุดท้าย อย่าลืม หลังวิ่งออกกำลังกายเสร็จ หรือ เข้าเส้นชัยแล้ว อย่าหยุดวิ่งทันที วิ่งต่อไปช้าๆ หรือเดินต่อเนื่องให้ ร่างกายค่อยๆ Cool Dowm หัวใจค่อยๆปรับตัวรับกับร่างกายที่ผ่อนคลายลงได้ช้าๆ อย่าประมาท นะครับ

คลิคกลับไปJfk Running Corner

เยี่ยมบ้าน -=jfk=-
www.2jfk.com
พบกับข้อมูลเรื่องวิ่งที่
"Thairunning.com"
"Runnercorner.com"
"Thaimarathon.com"
"Patrunning.com"
"Jog&Joy.com"
Link Web รองเท้าวิ่งที่น่าสนใจ
ASICS Shoes
หรือที่
www.runnersworld.com.sg/asics
NIKE Shoes
ADIDAS Shoes
New Balance Shoes
Mizuno Shoes