-=Jfk=- Car Experience

Civic 2.0 EL 2006 Modulo Design

Civic 2006 เปิดตัวในเมืองไทย ประมาณปลายปี 2005 และเริ่มทะยอยส่งมอบให้กับลูกค้าที่สั่งจอง ในต้นปี 2006 ยังไม่มีชื่อเรียก รุ่นอย่างเป็นทางการ ดังนั้นหลายคนยังเรียกมันว่า CIVIC 2006 ถือว่าเป็นทายาทตัวต่อ จาก Civic รุ่นก่อนหน้า คือ Civic Dimention และ ที่ออกจะนอกเหนือความคาดหมาย ก็คือ ราคาวางจำหน่ายสำหรับตัว Top ที่ทะลุเกินหลักล้าน เป็นครั้งแรกของ Civic
สำหรับคันนี้ เป็นรุ่น Top 2.0 EL มาพร้อมชุดแต่ง Modulo Design พร้อม ล้อ Mag Modulo 17 นิ้วจากโรงงาน
Specification

เครื่องยนต์ K20Z2 DOHC 4สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ความจุกระบอกสูบ 1998 CC กำลังลังเครื่องยนต์สูงสุด155 Hps(114 KW) ที่ 6000 RPM
ระบบส่งกำลังเกียร์ เกียร์อัตโนมัติ เดินหน้า 5 Speed พร้อม ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ Manual ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)

ขนาดน้ำหนัก และมิติตัวรถ ยาว 4.54 เมตร กว้าง 1.755 เมตร สูง1.435 เมตร น้ำหนักรถ 1290 กก.
พวงมาลัย Power แบบไฟฟ้า (EPS) (สำหรับรุ่น 2.0 ส่วน 1.8 ทุกรุ่นเป็น Rack&Pinion พร้อม Power hydraulic ผ่อนแรง) พวงมาลัยปรับระดับได้สี่ทิศทาง ทั้งขึ้น-ลง และใกล้-ไกล (Tilt & Telescopic)
คำเตือนใครจะเอาไปติดล้อคกันขโมย 3 ล้อค ที่ยึดกับก้านพวงมาลัย ระวังมันรัดปลอกก้านพวงมาลัยเสียหาย ทำให้ปรับเข้าออกไม่ได้นะ มีคนเสียหายกันมาแล้ว นะครับ :P
ระบบกันสะเทือน หน้า อิสระ แบบแมคเฟอร์สันสตัท พร้อมเหล็กกันโคง หลัง อิสระ แบบ ดับเบิ้ลวิชโบน พร้อมเหล็กกันโคลง
ขนาดยางติดรถและล้อ 205/55/16 X 6.5J ( และ 195/65/15 X 6 J สำหรับรุ่น 1.8 S ) แต่สำหรับคันนี้เปลี่ยนมาใช้ ล้อ 17 นิ้ว ของ Modulo และ ยาง Dunlop Sport 9000 ขนาด 225/45/17 ซึ่งขนาด Diameter เกือบเท่าของเดิมเป๊ะแทน
ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร (รวมน้ำมันสำรอง 7.5 ลิตรหลังไฟเตือนน้ำมันติดขึ้นแล้ว)ใช้น้ำมัน Octane 91 หรือ Gassohol ที่ผสม Alcohol ไม่เกิน 10% (E10)
ปริมาณน้ำมันเครื่อง ตอนเปลี่ยนถ่าย 4 ลิตร ถ้าไม่เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง และ 4.2 ลิตร ถ้าเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องด้วย

ระบบความปลอดภัย
ระบบเบรค 2 วงจรไขว้ Disc Brake หน้าแบบสองชั้นพร้อมครีบระบายความร้อน Disc brake หลังเป็นเบรคจานชั้นเดียว
@@@@@ระบบABS ( Anti Lock Brake System =ระบบป้องกันล้อล้อคตายเมื่อเบรคกระทันหัน )
@@@@@ ระบบกระจายแรงเบรค แบบ EBD
@@@@@ ระบบเสริมแรงเบรคอัตโนมัติ BA หรือ BAS (Brake Assist System ระบบช่วยเพิ่มแรงดันเบรคอัตโนมัติเมื่อเบรคกระทันหัน)
ทั้งสามระบบ ของระบบเบรค ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้การเบรคมีประสิทธิภาพสูง และไม่เสียการควบคุมรถ ขณะเบรคกระทันหัน
สำหรับระบบเตือนผ้าเบรคหมด ไม่มีไฟสัญญานเตือนที่หน้าปัด แต่ใช้ แผ่นสปริงแตะกับจานเบรคเมื่อผ้าเบรคสึกถึงระดับที่กำหนด และสังเกตุจากเสียงโลหะเสียดสี (เหมือนกับ ของ Fortuner เช่นกัน)
ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง(VSA) =Verhicle Stability Assist) ช่วยควบคุมการทรงตัวของรถ ขณะเข้าโค้งให้พอเหมาะป้องกันการ Oversteer และ Understeer โดยตัดการทำงานของเครื่องยนต์ถ้าจำเป็น ถ้าไม่ต้องการใช้เลือกปิดสวิตช์ได้ แต่ว่าเมื่อสตาร์ทเครื่องใหม่ มันจะเปิดการทำงานเอง โดยอัตโนมัติ (กันลืม :P )
Air Bags ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า และ ถุงลมด้านข้างอัจฉริยะ i-side Airbags
โคมไฟหน้า ส่องสว่าง แบบ HID (หรือ Xenon ) พร้อมไฟตัดหมอกหน้า ฝังในกันชน
ไฟเบรคดวงที่สาม ด้านท้าย (พร้อมทั้ง อีกดวงที่ติดมากับ Spoiler หลัง อีกหนึ่งดวง )
เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ
พร้อมระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย ด้านคนขับด้วยไฟเตือน พร้อมเสียงเตือนซ้ำทุก 1นาที
Note

สำหรับถุงลมด้านข้าง i-side Airbag , ไฟหน้า แบบ HID และระบบช่วยการทรงตัว VSA เป็น Option ที่มีเฉพาะในรุ่น 2.0EL ในปัจจุบัน(ตอนเปิดตัว)

ระบบอำนวยความสะดวก และ การตกแต่ง

ระบบเครื่องปรับอากาศ แบบอัตโนมัติ ชุดเดียว ไม่แยกซ้ายขวา (ระบบปรับอากาศของรุ่นนี้ เพื่อนๆหลายคนที่ออกรถมา บ่นว่ามีกลิ่นเหม็นหลังจากใช้ไประยะนึง อันเนื่องอาจจะมาจากความชื้นในระบบ แก้โดยการให้จอดรถตากแดด ปิด คอมเพรซเซอร์แล้วเร่งพัดลมเต็มที่(เพื่อให้ตู้แอร์แห้ง) ก็แก้ไขได้ในบางคน มีบางคนกลับมาเกิดอาการใหม่ จนถึงขั้นเปลี่ยนตู้แอร์ก็มี คันนี้ ยังไม่เจอปัญหา แต่ก็คงต้องรอดูกันต่อไป และดูว่า ทาง ฮอนด้า จะแก้ไขไปได้อย่างไร
กุญแจรีโมท
ระบบนิรภัย Imobilizer พร้อมระบบ สัญญานเตือนป้องกันโจรกรรม
กระจกหน้าต่าง
ปรับขึ้นลงด้วยไฟฟ้า มีระบบป้องกันหนีบ (Jam protection) ด้านคนขับ พร้อม Central Lock (ข้อสังเกตุ จากเพื่อนชาว Civic Club อีกเช่นกันพบว่า Lot แรกๆ ของซีวิค รุ่นนี้ที่ส่งมอบออกมา มีปัญหาเรื่องรางกระจกติดขัดหรือตกร่อง หลายคัน แต่ว่าเมื่อเข้าไป แก้ไขเปลี่ยนแล้ว ก็ไม่พบปัญหาอีก คิดว่า รุ่นหลังๆที่ออกมา คงได้รับการแก้ไขแล้ว)
กระจกมองข้าง
ปรับด้วยไฟฟ้า และ พับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
ระบบควบคุมความเร็ว อัตโนมัติ
Cruise Control ปรับตั้งได้ที่ก้านพวงมาลัย(ด้านขวา) ทำงานที่ความเร็ว40 กม./ชม.ขึ้นไป ใช้งานได้ง่าย สะดวก ไม่ยุ่งยาก
ปุ่มควบคุม เครื่องเสียง ที่พวงมาลัย
ใช้งานได้สะดวกทั้งการเปลี่ยนโหมด เปลี่ยนเพลง หรือสถานี และ การควบคุมความดังของเสียง
เครื่องเสียง

วิทยุ และ CD 6 แผ่น เล่น MP3 ได้ มีช่อง Aux ต่อพ่วงอุปกรณ์เช่น Ipod ได้ พร้อมเสาอากาศ วิทยุฝังในกระจกหลัง ลำโพงหลัก 4 ตัว เสริมด้วย Tweeter อีก2 ตัว ( ระบบเครื่องเสียงสามารถตั้งให้ปรับความดังชดเชย ตามความเร็วของรถได้ (SVC)) Note สำหรับเครื่องเสียงใครเปิดอ่านคู่มือ แล้วเค้าพูดถึง code กันขโมย ที่ต้องป้อนเวลาถอดแบ็ต หรือถอดเครื่องออกมา จากรถ แล้วใส่กลับไปใหม่ ซึ่งต้องป้อน Code ให้เครื่องทราบ ไม่ต้องไปหาบัตร บันทึก Code นะรุ่นี้ เป็นเครื่อง Built In ติดตัวรถ ถอดยากเค้าเลยไม่ใช้ Code เด๋วจะไปตามหา เหมือนผม อีก :P
คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ พอใช้ได้ ถ้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องคุณภาพเสียง มากเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน แต่ถ้าจะเปลี่ยน แนะนำ ว่าน่าจะ Damp วัสดุซับเสียงบุประตู เพดาน และพื้นเพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกด้วยเลย ถึงจะคุ้ม
Sensor ถอยหลัง ด้วยสัญญานเสียง สีเดียวกับตัวรถ (อุปกรณ์ตกแต่งเพิ่ม ที่แถมมากับตัวรถ) สำหรับ Sensor ถอยหลังของฮอนด้า หลายคนบ่น ว่ามัน ใช้งานไม่ค่อยดี ส่งเสียง ไม่ค่อยสัมพันธ์ กับระยะ เตือนจริง จากที่ลองแล้วเห็นด้วย ไม่น่าใช้แฮะ ถ้าไงอาจจะลองหาชนิดมีจอ แสดงผลมาใส่แทนต่อไป
มาตรวัดที่หน้าปัด 2 ชั้น แบบ เรืองแสง (Self Illuminating Meter) ปรับความสว่างได้ตามความต้องการ
ที่ปัดน้ำฝน แบบปรับเป็นจังหวะ และปรับตั้งหน่วงเวลาปัดได้
ชุดตกแต่งตัวถัง



Civic 2006 อาจจะนับว่าเป็น รถซีดาน ที่คนนิยม นำชุดแต่งตัวถังมาแต่งกันมากที่สุดรุ่นนึง ชุดแต่งที่นิยมกัน ก็มี ของ Mugen ซึ่งออกแนวดุ และอีก ก็คือ ชุดนี้ เป็น ชุดแต่ง Modulo Designที่ทางทีมวิจัยของฮอนด้าพัฒนาขึ้นมาเอง ชุดนี้ ออกแนวเรียบร้อย ไม่หวือหวามากนัก สมกับคำแปล ของชื่อ Modulo ที่แปลว่า มาตรฐาน เป็น ชิ้นส่วนแต่งตัวถัง ห้าชิ้น (กันชนหน้า หนึ่งชิ้น Skirt ข้าง สองชิ้น Skirt ท้ายหนึ่งชิ้น และ สปอยเลอร์ท้ายพร้อมไฟเบรค อีกหนึ่งชิ้น ส่วนล้อ เลือก Mag Modulo ขนาด17 นิ้ว จากโรงงาน เข้ากับชุดการตกแต่งจากการติดตั้งมา ถึงการใช้งานไป ประมาณ พันโล ยังเรียบร้อยดี กำลังรอดูว่า ใช้ไปนานๆ มันจะมีการดีดตัวออกมา เหมือนเพื่อนๆบางคนเจอหรือไม่ (ไม่อยากเจอหรอก :P )
การใช้งานทั่วไป

เบาะนั่ง สำหรับตัว 2.0ELนี้ Design แบบ Exclusive ออกแบบเป็นกึ่ง Bucket Seat นั่งสบายพอใช้ ปรับตำแหน่งด้วยมือ(ไม่มีไฟฟ้า สำหรับเก้าอี้คนขับ ปรับสูงต่ำได้ด้วยคันโยกขึ้นลงด้านข้าง แต่เสียดายหมอนพิงศรีษะปรับก้มเงยไม่ได้ ทำให้ ปรับให้เข้ากับศรีษะตามความชอบไม่ได้
วัสดุที่ใช้หุ้มเบาะ เป็นหนังแท้ผสมหนังเทียม Two Tone สำหรับสี Alablaster Silver หรือ สีเงินนี้ เบาะและการตกแต่งภายในเป็นสี Two 2 หนังสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับสีครีม ซึ่งเป็นสีที่ชอบ และตัดสินใจเลือกทั้งๆ ที่ความจริงสีตัวรถภายนอกที่ชอบ จะเป็นตัวสี เทา Silver Stone มากกว่า แต่ภายในของมันเป็นสีเบจ เลยหนีมาเล่นสีนี้ ซึ่งเป็นสีตัวเลือกที่สอง
ประตูเปิดเบาแรง รวมทั้งกระโปรงท้ายที่เปิดได้เบาแรง แม้จะใส่สปอยเลอร์ท้ายเสริมเข้าไป ก็เปิดค้างได้ และเบาแรง ไม่หนักเกินไป จนทำให้หล่นลงมาเวลาเปิดค้าง
ทัศนะวิสัยในการขับขี่

Civicคันนี้ ออกแบบให้คอนโซลหน้าค่อนข้างกว้าง(ลึก) จนต้องบอกว่าลึกมาก แต่ก็ไม่ได้กีดขวาง การมองด้านหน้ามากนัก
จุดบอดที่จะ มี น่าจะเป็นมุมเสาด้านหน้า ใกล้กับกระจกหูช้าง(เสา A ) ซึ่ง ค่อนข้างใหญ่ โดยเฉพาะด้านขวา บดบังมุมมอง ไปมาก อาจจะต้องระมัดระวังพวกมอไซค์ หรือเสา ที่บังสายตาด้านนี้ ส่วนด้านท้าย และเสากลาง(เสา B) ไม่มีปัญหาอะไร
ฟิล์มกรองแสงคันนี้ ติดมาพร้อมกับรถเป็น ของแถม ใช้Film Lamina บานหน้าระหัส APL50NSRPS กันความร้อนได้41% แสงผ่านได้ 50% ซึ่งแม้จะไม่มืดมากนัก แต่เวลาเจอแสงกลางคืนมีเงาหลอกบ้างเล็กน้อย คิดว่าถ้าว่างๆ จะเอาไปเปลี่ยนเป็น L69 Max Special ซึ่งขาวใส กันร้อนได้ดีและหลอกตาน้อยกว่า ส่วน รอบคันเป็น ฟิล์มระหัส AN35NSRSRS สี เทาควันบุหรี่ กันความร้อนได้ 53 % ยอมให้แสงผ่าน 35 % ซึ่งหลายคนบอกว่ามืดน้อยไป แต่สำหรับคนชอบขับรถใสสว่าง ยังคิดว่า มืดไปหน่อย และ ปรอทมากไปนิด ทำให้ดูสะท้อนแสงมากพอสมควร (ดูจากรูปข้างบน ก็ได้ ครับเป็นภาพที่ใกล้เคียงกับตามองเห็นจริง ทั้ง มองจากภายในและภายนอก)

การทรงตัว และการขับขี่
สำหรับคันนี้เปลี่ยนใส่ล้อ 17 นิ้ว และ ยางขนาด 225/45/17 แล้ว ไม่กระด้างเท่าที่คิดว่าจะเป็น การทรงตัวในทางตรงและทางโค้ง ใช้ได้ แม้ความเร็วจะสูง ระดับ 170-180 กม.ชั่วโมง
แต่พวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) ที่ติดมาทำให้รู้สึกว่าพวงมาลัยมันเบาไปหน่อยทำให้ เวลาขับเร็วต้องเบ่งสมาธินิดหน่อย ถือว่าเป็นรถขับสนุก อันตราเร่งดีเยี่ยม ยิ่งเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง โดยใช้ Paddle Shift แล้ว ยิ่งสนุกมากขึ้น จนลืมดูความเร็วที่ขึ้นมาใกล้ๆ 200 แบบไม่รู้ตัวเลย
ความเร็วสูงสุด สำหรับ คันนี้ เนื่องจากยัง ไม่ได้ใช้งานมามากนักเพิ่งมีโอกาส ได้วิ่งเต็มที่บนทางด่วนบางปะอินแจ้งวัฒนะ ที่ เป็นจุดที่ทดสอบความเร็วปลายได้ดี สุดเนื่องจากมีทางราบยาว ให้ลองได้ แต่วันที่ลอง รถเยอะไปนิด หมดทางยาว ได้ตรงความเร็วปลายที่ 214 ในเกียร์สี่ (ความเร็วหลัง จาก 210 เริ่มเพิ่มขึ้นช้า แต่ยังไหลไปได้เรื่อยๆ แต่เจอรถบังซะก่อนเลยต้องผ่อน คิดว่าถ้ามีทางยาวให้อีก หน่อย น่าจะขึ้นไปถึง 220 ที่1.8 MT เคยมีคนทำไว้) ณ ความเร็วนั้น แม้รถจะรู้สึกเบาๆไปหน่อย แต่ก็ยังทรงตัวได้ดี
การใช้งานของระบบเกียร์
ระบบอัตโนมัติ (โหมด D) เกียร์จะเป็นระบบเกียร์อัจฉริยะ เลือกเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมเอง ตามความลาดชันของพื้นที่ (แต่ถ้าขับรถลงเขาไวๆ นี่ผมเองไม่ค่อยเชื่อใจระบบเกียร์อัตโนมัติเท่าไร ต้องคอยตรวจสอบ ว่า ความเร็วมันสูงเกินไปจนต้องแตะเบรคมากเกินไปหรือไม่ ถ้าต้องแตะเบรคบ่อย ก็เลือกที่จะใช้การเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองมากกว่า)
จากการใช้งานสังเกตุได้ว่า ระบบเกียร์อัตโนมัติ ของ Civic จะสนองตอบต่อคันเร่งไว(จนเหมือนจะมากเกินไป) ทำให้ เหยียบแรงนิดเดียว Kick Down ลงทันที จนบางครั้งทำให้หงุดหงิดกับรอบเครื่องที่สวิง จากการ Kick Down บ่อยๆ ทำให้ถ้าขับทางไกล อยากให้รอบเครื่องสวิงน้อยและ ไม่กินน้ำมันเยอะ จะเลือกใช้ โหมด S (Paddle Shift ) มากกว่า
ระบบเกียร์ Manual (โหมด S) จะเป็นการใช้การเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง ที่ปุ่มเปลี่ยนเกียร์ด้วยปลายนิ้วมือ ที่พวงมาลัย Paddle shift ที่คล้ายกับ เกียร์ของรถ Formular 1(ปุ่มปรับเพิ่มเกียร์ อยู่ด้านขวา และปุ่มลดเกียร์อยู่ด้านซ้าย)
การใช้งานโหมดนี้ถ้าเริ่มออกตัวด้วยโหมดดS นี้เลย โดยยังไม่แตะปุ่มเปลี่ยนเกียร์ที่ข้างพวงมาลัย เกียร์จะไล่เปลี่ยนให้เองเหมือนเกียร์ออโต้ จนไปสูงสุดที่เกียร์ 4 ถ้าต้องการให้ขึ้นไปเกียร์ 5 ต้องปรับเปลี่ยนเองด้วยปุ่มเพิ่มเกียร์
ถ้าเป็นการขับ โดยใช้โหมด ออโต้ ( D ) มาก่อนแล้วโยก ย้ายมาโหมด S เกียร์ จะขึ้นไปอยู่ ที่เกียร์ ที่กำลังใช้งานอยู่ และเช่นกัน ถ้าต้องการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นต้องปรับด้วยปุ่มเอง
สำหรับการใช้งานในโหมด S นี้ เราเลือกเปลี่ยนเกียร์ ขึ้นหรือลง ได้ตัวเองให้เหมาะสม กับรอบเครื่องยนต์ได้ตามความต้องการของเรา เล่นปรับค้างไว้เกียร์ 5 เพื่อการขับขี่ทางไกลประหยัดน้ำมัน และเครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานหนัก(ไม่ต้องห่วงว่ามันจะ Kick Down เวลาเผลอกดคันเร่งแรงด้วย และ ถ้าต้องการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเพื่อการเร่งแซง ก็ใช้ปุ่มปรับลดได้ทันที
ในการใช้โหมด S ถ้าชะลอความเร็วลง มากๆ หรือ จอดรถเวลาติดไฟแดง เกียร์จะเปลี่ยนลงต่ำให้เราเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะสะดุด หรือ ดับลง เพราะว่ากำลังเครื่องไม่พอเหมือนรถเกียร์ธรรมดา แต่พอเราออกตัวเร่งความเร็วมันกลับขึ้นมาใหม่ มันจะไม่เปลี่ยนเป็นเกียร์สูงขึ้นให้เรา มันจะลากเกียร์ไปจนถึง Red Line นั่นแหละ เราจะต้องเปลี่ยนด้วยเองโดยการใช้ปุ่มเปลี่ยนเกียร์ ที่พวงมาลัยดังกล่าว
สำหรับการจอดและปลดให้ลดจอดที่เกียร์ว่าง(N) ทำได้โดยการจอดในเกียร์ P ปกติ แล้วเสียบกุญแจที่ช่อง Shift Lock ใกล้คันเกียร์ แล้วเลื่อนคันเกียร์ มาที่ N ได้เลย
เสียงในห้องโดยสาร เงียบปานกลาง ถึงค่อนข้างดี สำหรับรถญี่ปุ่นขนาดเล็ก ถึงกลาง อย่างนี้ รวมทั้งเสียงยางที่แม้จะใช้ขนาดใหญ่ที่ดังผ่านเข้าห้องโดยสาร ก็ดังไม่มากนัก (ขณะที่ยางยังใหม่) ส่วนหลังคาจะมีเสียงดังเวลาฝนตกใส่มากไปหน่อย คิดว่าว่างๆ จะเอาไปบุวัสดุซับเสียง เพิ่มขึ้น (รวมทั้งบานประตู ทั้งสี่ด้วย)
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ถังแรก ขับทางไกล และ ขับเร็วพอสมควร (ระดับความเร็ว 150-170 กม./ ชม.) ใช้น้ำมันไป 37.3 ลิตร ได้ระยะทาง 393 กม. หรือประมาณ 10.54 กม./ลิตร ไว้ใช้งานไปยาวพอระยะนึง จะมารายงานเพิ่มให้ ทั้ง การใช้งานทางไกล และ การใช้งานในเมือง
สรุป
Civic 2006 ถือว่าเป็นรถ ขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่ขับสนุก โดยเฉพาะถ้าใช้ โหมด S เปลี่ยนเกียร์เองด้วย Paddle Shift ยิ่งเพลิน
เบรคเยี่ยมมาก สั่งได้ดังใจ ตอบสนองได้ตามสั่ง (ยังขาดแต่ไม่ได้ทดลองเวลาใช้เบรคหนักๆ เวลาลงเขา แล้ว ทำความเร็วสูง เล่นกับโค้งที่บางครั้งต้องใช้เบรคช่วย แทน Engine Brake จากเครื่องยนต์อย่างเดียว) ว่าจะทำงานได้ดีอยู่หรือไม่
อัตราเร่ง และความเร็ว อยู่ในขั้นดี แม้จะไม่เท่ากับพวกรถสปอร์ต แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานเดินทางไกลได้สบาย
การทรงตัวและการเกาะถนน อยู่ในเกณฑ์ พอใช้ได้ ยิ่งถ้าสามารถปรับพวงมาลัย EPS ที่ติดรถมาให้ หนักกว่านี้ได้อีกนิด ล่ะก้อ จะถือว่า สมบูรณ์แบบทีเดียว
สำหรับคนที่ชอบขับทางเรียบเร็วๆ โหลดด้วยสปริงชุดแต่ง ลงอีกซัก นิ้วครึ่งถึงสองนิ้ว น่าจะกำลังสวย แต่ในแง่การใช้งานทั่วไป แล้ว ขนาดนี้ แม้จะไม่สวยใส หนึบแบบตุ๊กแก แต่ก็ใช้งานได้สบายไม่ต้องระวังหลุมระวังลูกระนาด จนทรมานตัวเอง :P
ปุ่มควบคุมการใช้งานต่างๆที่พวงมาลัย รวมทั้ง Cruise Controle ใช้งานง่ายสะดวกดี

Visit Jfk Car Gallery

www.2jfk.com

มีข้อแนะนำ หรือ ข้อมูลเพิ่มเติมแนะนำได้ครับ

jfk@2jfk.com